เปลี่ยนสถานะการสนทนาใน Gmail

รู้หรือไม่ว่าเราสามารถตั้งค่าสถานะการสนทนาใน Gmail (Google Workspace) ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เราต้องการได้ หากว่าคุณไม่ต้องการให้เสียงข้อความการสนทนาใน Gmail (Google Workspace) มารบกวนขณะที่เรากำลังประชุมอยู่หรือต้องการความสงบ หรือเราต้องการแสดงสถานะว่าตอนนี้เราไม่อยู่เป็นเวลานานเท่าไรแล้ว ก็สามารถทำได้

ขั้นตอนการเปลี่ยนสถานะการสนทนาใน Gmail (Google Workspace)

1.เข้าสู่ระบบ บัญชี Gmail (Google Workspace)

2.คลิกที่ด้านขวาบน แล้วเลือกแชท (Chat)

3.ในแผงแชท (Chat) ให้เราเลือกสถานะที่เราต้องการ มีไอคอน (Icon) ดังต่อไปนี้

  • “อัตโนมัติ” (Automatic) คือ ว่างอยู่
  • “ห้ามรบกวน” (do not disturb) หากเลือกสถานะห้ามรบกวนให้เลือกระยะเวลาที่ต้องการปิดการแจ้งเตือนด้วย
  • “ไม่อยู่” (Set as away) จะแสดงสถานะว่าเราไม่อยู่ในช่วง 15 นาทีที่ผ่านมา หรือ ไม่อยู่เกินกว่า 15 นาทีที่ผ่านมา

4.นอกจากสถานะที่มีอยู่แล้วเรายังสามารถกำหนดสถานะที่เราต้องการได้เองอีกด้วย โดยการเลือกที่ “ใส่สถานะ” (Add a status)

5.ใส่ข้อความที่เราต้องการ นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่มหรือเปลี่ยนอีโมจิ (Emoji) ที่เราต้องการได้อีกด้วย จากนั้นในส่วนของ “ล้างสถานะเมื่อพ้น” (Clear status after) เลือกระยะเวลาสิ้นสุดสถานะที่เรากำหนด จากนั้นคลิก “เสร็จสิ้น” (Done)

บทความที่เกี่ยวข้อง

[Google Workspace] วิธีติดตั้งอีเมล์ลงมือถือผ่าน App Gmail (android)

[Google Workspace] วิธีติดตั้งอีเมล์ลงมือถือผ่าน App Gmail (ios)

Gmail สำหรับ Google Workspace คืออะไร

ดูพื้นที่ของ Gmail ใน Google Workspace มีขนาดเท่าไร ?

Google Apps ฟรีถูกยกเลิกให้บริการ 1 กรกฎาคม 2565 นี้

 

 

เข้าร่วมวิดีโอคอลจาก Gmail

การติดต่อสื่อสารแบบวิดีโอคอล (Video call) นั้นช่วยให้การติดต่อสื่อสารในปัจจุบันสะดวกมากขึ้น เพราะว่าในสมัยก่อนเราอาจจะแค่คุยกันผ่านทางโทรศัพท์ซึ่งได้ยินเพียงแค่เสียงเท่านั้น แต่เมื่อมีการติดต่อสื่อสารแบบวิดีโอคอล (Video call) เข้ามา เราก็สามารถที่จะมองเห็นหน้า ได้ยินเสียงและที่สำคัญบุคคลที่เข้าร่วมไม่ว่าจะอยู่ที่เดียวกันหรือแม้แต่จะอยู่ที่ห่างไกลออกไปก็สามารถที่จะติดต่อสื่อสารกันผ่านวิดีโอคอล (Video call) นี้ได้ ในปัจจุบันได้นำวิดีโอคอล (Video call) เข้ามาใช้ทั้งในเรื่องของการติดต่อสื่อสารแบบส่วนตัว แบบธุรกิจ หรือการประชุมติดต่องานระหว่างหัวหน้างานและพนักงาน ซึ่งการวิดีโอคอล (Video call) มีทั้งแบบติดต่อสื่อสารผ่านแชท Facebook ,Line และในส่วนของ Gmail (Google Workspace) ก็มีเช่นกัน แต่จะมีวิธีการเข้าร่วมการติดต่อสื่อสารแบบวิดีโอคอล (Video call) อย่างไร มาดูกันเลย

เริ่มวิดีโอคอล

1.เข้าสู่ระบบ บัญชี Gmail (Google Workspace)

2.คลิกที่ การสนทนาใหม่ (New conversation)

3. ให้ป้อนชื่อ,อีเมล (Email) หรือเบอร์โทรศัพท์ ที่ต้องการให้เข้าร่วมการประชุมผ่านวิดีโอคอล (Video call)

4.เมื่อป้อนรายชื่อที่ต้องการจะให้เข้าร่วมการประชุมผ่านวิดีโอคอล (Video call) เสร็จแล้ว ให้คลิกที่รายชื่อ และคลิก เริ่ม Hangouts วิดีโอ (Start video call) เพื่อเริ่มการประชุม

5.ก่อนเข้าร่วมการประชุมครั้งแรก โปรดอนุญาตให้สิทธิ์การเข้าใช้งานไมโครโฟน (microphone) และกล้อง (camera) ก่อน  คลิกที่ อนุญาต (Allow) และเริ่มการประชุมผ่านวิดีโอคอล (Video call) ได้เลย

เข้าร่วมวิดีโอคอล

1.เข้าสู่ระบบ บัญชี Gmail (Google Workspace)

2.คลิกเข้าร่วมการประชุม (Join a meeting)

3.ให้ป้อนรหัสการประชุมที่ผู้จัดส่งให้ จากนั้นคลิก เข้าร่วม (Join)

4.ก่อนเข้าร่วมการประชุม เราสามารถปิดหรือเปิดกล้อง (camera) และไมโครโฟน (microphone) ได้ จากนั้นคลิก เข้าร่วมเลย เพื่อเข้าร่วมการประชุม

5.เมื่อการประชุมเสร็จสิ้นให้กด วางสาย

บทความที่เกี่ยวข้อง

[Google Workspace Admin] การตั้งค่า MX และ TXT สำหรับ Google Workspace และ Gmail

เพิ่มกิจกรรมจาก Gmail ไปยัง google calendar โดยอัตโนมัติ

ดู google calendar จากหน้า gmail

การใช้งาน Gmail แบบ Offline

จัดการข้อความขาเข้าโดยอัตโนมัติด้วยตัวกรองของ Gmail

ใช้บัญชี Gmail จาก app อื่นต้องตั้งค่าอย่างไร

ในปัจจุบันคนส่วนใหญ่ใช้งาน Gmail (Google Workspace) ในการติดต่อสื่อสารทั้งทางด้านธุรกิจและธุระส่วนตัว โดยการใช้งานมีหลากหลายทางเลือก ทั้งใช้งานผ่านเว็บไซต์ (Website) โดยตรง ใช้งานผ่านแอพพลิเคชั่น (Application) ในสมาร์ทโฟน (smartphone) ใช้งานผ่าน Microsoft Outlook หรือ Apple Mail เป็นต้น แต่รู้หรือไม่ว่าใน Gmail (Google Workspace) สามารถที่จะดึงข้อมูลจากแอพพลิเคชั่น (Application) อื่นๆ เข้ามาได้ โดยการเปิดใช้งาน IMAP และ POP แต่ก่อนที่จะไปเรียนรู้ขั้นตอนการเปิดใช้งาน เรามาทำความรู้จัก IMAP และ POP ก่อนว่าคืออะไร

IMAP คืออะไร ?

IMAP คือ การดาวน์โหลด (Download) ข้อความในอีเมล (Email) เข้ามาในเครื่องที่เรากำลังใช้งานอยู่แต่ไม่ได้เป็นการจัดเก็บข้อมูลเหล่านั้นไว้ เราสามารถใช้งาน IMAP ได้จากอุปกรณ์ต่างๆหลายเครื่อง ทั้งในโทรศัพท์มือถือ เครื่องคอมพิวเตอร์ (Computer) แท็บเล็ต (Tablet) เป็นต้น

POP คืออะไร ?

POP คือ การดาวน์โหลด (Download) ข้อความในอีเมล (Email) จากแอพพลิเคชั่น (Application) อื่น เช่น Microsoft Outlook จากเครื่องคอมพิวเตอร์ (Computer) อีกเครื่องหนึ่ง เข้ามาเก็บไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ (Computer) ที่เรากำลังใช้งานอยู่ ซึ่งหลังจากการดาวน์โหลด (Download) เสร็จแล้ว ข้อมูลจากเครื่องคอมพิวเตอร์ (Computer) ที่ไม่ได้ใช้งานจะถูกลบออก ซึ่งหมายความว่าการเปิดใช้งาน POP จะเข้าใช้งานได้แค่ทีละเครื่องและสามารถเข้าถึงข้อมูลอีเมล (Email) โดยใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ (Computer) เครื่องเดิมเท่านั้น

ขั้นตอนการเปิดใช้งาน IMAP และ POP

1. เข้าสู่ระบบอีเมล (Email) จากนั้นไปที่ฟันเฟืองหรือการตั้งค่า (Settings) เลือก ดูการตั้งค่าทั้งหมด (See all settings)

2.คลิกที่การส่งต่อและPOP/IMAP (Forwarding and POP/IMAP)

3.หัวข้อ ดาวน์โหลด (Download) ผ่าน POP (POP download) ให้คลิกเลือก เปิดใช้ POP ในอีเมล (Email) ทั้งหมด (Enable POP for all mail)

4.หัวข้อ การเข้าถึงแบบ IMAP (IMAP access) ให้คลิกเลือก ใช้ IMAP (Enable IMAP)

5.เลื่อนมาด้านล่างในหัวข้อ ขีดจำกัดของขนาดโฟลเดอร์ (Folder size limits)ให้คลิกเลือก ไม่จำกัดจำนวนข้อความในโฟลเดอร์ IMAP (ค่าเริ่มต้น) (Do not limit the number of messages in an IMAP folder (default) ) จากนั้นคลิกบันทึกการเปลี่ยนแปลง (Save Changes) เท่านี้การเปิดใช้งาน IMAP และ POP ก็เป็นอันเสร็จสิ้น

บทความที่เกี่ยวข้อง

เขียนจดหมายส่งในภายหลังด้วยกำหนดการส่งใน Gmail

การเปลี่ยนมุมมองการสนทนาของ Gmail

แนะนำเรื่องการเขียน Gmail Smart

ค้นหาข้อมูลอย่างรวดเร็วใน Gmail, เอกสาร, ไดรฟ์, ปฏิทินและอื่น ๆ

Inbox by Gmail ปิดตัวลงเมื่อปลายเดือนมีนาคม

รู้หรือไม่โหมดข้อมูลลับใน Gmail ป้องกันข้อมูลและไฟล์แนบในการส่ง Email ได้

โหมดข้อมูลลับใน Gmail (Google Workspace) มีประโยชน์อย่างไร

การส่งข้อความและไฟล์แนบโดยใช้โหมดข้อมูลลับใน Gmail (Google Workspace) จะช่วยป้องกันข้อมูลที่ละเอียดอ่อนไม่ให้มีการเข้าถึงจากบุคคลที่ไม่ได้รับอนุญาตได้ นอกจากนี้การใช้โหมดข้อมูลลับใน Gmail (Google Workspace) ยังสามารถที่จะกำหนดวันหมดอายุของข้อความหรือเพิกถอนสิทธิ์การเข้าถึงข้อความและไฟล์แนบได้ตลอดเวลา และผู้รับจะไม่มีสิทธิ์ในการส่งต่อ คัดลอก พิมพ์ ดาวน์โหลด(Download) ข้อความและไฟล์แนบที่ส่งไปได้

หมายเหตุ: ถึงแม้ว่าการใช้โหมดข้อมูลลับในการส่งข้อความและไฟล์แนบจะช่วยป้องกันไม่ให้ผู้รับส่งต่อ คัดลอก พิมพ์ ดาวน์โหลดข้อความหรือไฟล์แนบที่ส่งไปโดยไม่ได้ตั้งใจได้ แต่ไม่ได้ป้องกันไม่ให้ผู้รับถ่ายภาพหน้าจอหรือรูปภาพของข้อความและไฟล์แนบ และหากผู้รับมีโปรแกรมที่เป็นอันตรายในคอมพิวเตอร์ (Computer) ก็สามารถที่จะดาวน์โหลด (Download) คัดลอก ข้อความหรือไฟล์แนบได้

ขั้นตอนในการใช้โหมดข้อมูลลับในการส่งข้อความและไฟล์แนบ

1.เข้าสู่ระบบ Gmail (Google Workspace) แล้วเลือก เขียน

2.เมื่อใส่อีเมล (Email) ผู้รับ ชื่อเรื่อง และส่วนของเนื้อหาที่จะส่งเรียบร้อยแล้ว ให้คลิกเปิดโหมดข้อมูลลับด้านล่าง

3.ในส่วนนี้ให้ทำการกำหนดวันหมดอายุของอีเมล (Email) ว่าต้องการให้อีเมล (Email) ทำลายตัวเองในอีกกี่วันนับตั้งแต่วันที่ผู้รับได้รับ หลังจากที่อีเมล (Email) ทำลายตัวเองตามวันที่กำหนดไว้ผู้รับจะไม่สามารถเปิดดูอีเมล (Email) ฉบับนี้ได้อีก

 

4.ในส่วนนี้สามารถกำหนดได้ว่าต้องการให้ผู้รับใช้รหัสผ่านในการเปิดอีเมล (Email) ฉบับนี้หรือไม่

-ไม่มีรหัสผ่านทาง SMS  ถ้าผู้รับใช้ Gmail (Google Workspace) ผู้รับจะสามารถเปิดอีเมล (Email) ฉบับนี้ได้โดยตรง แต่ถ้าผู้รับไม่ได้ใช้Gmail (Google Workspace) จะได้รับรหัสผ่านทางอีเมล (Email)

-รหัสผ่านทาง SMS ใส่หมายเลขโทรศัพท์ของผู้รับ เมื่อผู้รับจะเปิดอ่านอีเมล (Email) ฉบับนี้ จะได้รับรหัสผ่านทาง SMS จากนั้นกดบันทึก

 

5.ถ้าเลือกรหัสผ่านทาง SMS เมื่อคลิกส่ง ระบบจะให้เลือกประเทศและใส่หมายเลขโทรศัพท์ของผู้รับ จากนั้นคลิกส่งอีกครั้ง

บทความที่เกี่ยวข้อง

Email แบบ Dynamic ใน Gmail พร้อมใช้งานแล้ว

Sent Limit ของ Gmail สำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่

Sent Limit ในการรับส่ง Gmail สำหรับ Google Workspace

วิธีการเปลี่ยนภาษา Gmail บน G suite

Smart Compose พร้อมใช้งานใน Gmail Android และ iOS

 

การเปลี่ยน Password (รหัสผ่าน) ใน Gmail/Workspace ช่วยให้ปลอดภัยและมีวิธีทำอย่างไร

การเปลี่ยน Password (รหัสผ่าน) บัญชี Gmail ของเราบ่อยๆช่วยให้บัญชีของเราปลอดภัยมากขึ้นเนื่องด้วยการเปลี่ยน Password บ่อยๆจะยากต่อการถูกมิจฉาชีพหรือบุคคลที่ไม่ประสงค์ดีเข้ามาโจรกรรมข้อมูลของเรา เพราะในบัญชี Gmail ของเรานั้นจะมีข้อมูลที่เป็นส่วนสำคัญทั้งในด้านของการติดต่อธุรกิจและการทำธุรกรรมต่างๆ โดยส่วนใหญ่การเปลี่ยน Password ควรทำทุกๆ 3-6 เดือน และ Password ที่ตั้งใหม่ ควรประกอบไปด้วย ตัวอักษรภาษาอังกฤษพิมพ์ใหญ่-พิมพ์เล็ก ตัวเลข และตัวอักขระพิเศษผสมกันเพื่อยากต่อการคาดเดา การเปลี่ยน Password Gmail นั้นสามารถทำได้ทั้งใน Smartphone และ Computer โดยมีขั้นตอนดังต่อไปนี้

ขั้นตอนการเปลี่ยน Password (รหัสผ่าน) ใน Gmail

1.เข้าสู่ระบบบัญชี Gmail  ของเรา แล้วเลือกที่ บัญชี Google

2.จากนั้นไปที่หัวข้อ ความปลอดภัย เลื่อนลงมาที่หัวข้อ การลงชื่อเข้าใช้ Google แล้วคลิกที่รหัสผ่าน

3.จากนั้นระบบจะให้เรายืนยันตัวตนโดยการใส่ รหัสผ่าน จากนั้นคลิก ถัดไป

4.ขั้นตอนนี้ให้กำหนดรหัสผ่านใหม่ที่เราต้องการใส่ลงไปให้ครบถ้วนทั้งสองช่อง โดยการตั้งรหัสผ่านใหม่ควรที่จะใช้ตัวอักษรภาษาอังกฤษตัวเล็ก-ตัวใหญ่ ตัวเลข และอักขระพิเศษผสมกันอย่างน้อย 8 ตัว เพื่อยากต่อการคาดเดา จากนั้นคลิกเปลี่ยนรหัสผ่าน เพียงเท่านี้ก็เป็นอันเสร็จสิ้น

บทความที่เกี่ยวข้อง

Meetใน Gmail บนมือถือตอนนี้กำลังเปิดตัวบน iOS

Google ให้บริการภาษาสเปนใน Docs และ Gmail แล้ว

สามารถปรับแต่งเค้าโครง gmail ได้แล้ว

Google เปิดใช้งาน Google Meet ใน Gmail บนมือถือ

แก้ไขกิจกรรมในปฏิทินโดยตรงจาก Gmail และ Docs

 

การตั้งค่า Gmail ให้ปลอดภัยตรวจสอบการเข้าระบบ 2 ชั้น

การตั้งค่า Gmail ให้ปลอดภัยโดยการตรวจสอบการเข้าสู่ระบบ 2 ชั้น คือ การเปิดระบบรักษาความปลอดภัยให้กับบัญชี Gmail ของเราโดยการเข้าสู่ระบบต้องยืนยันตัวตนแบบ 2 ชั้น เพราะในปัจจุบันการติดต่อธุรกิจ และการทำธุรกรรมต่างๆที่สำคัญล้วนแล้วแต่ต้องใช้บัญชี Gmail ในการดำเนินการ นอกจากการเปลี่ยน Password บ่อยๆ แล้ว การยืนยันตัวตนแบบ 2 ชั้น ก็ช่วยป้องกันการถูกมิจฉาชีพหรือ Hacker ที่ไม่หวังดีกับเราขโมยข้อมูลในส่วนนี้ไปได้เพราะถึงแม้ Hacker เหล่านี้จะได้ Password ของเราไปแต่เมื่อเปิดการยืนยันตัวตนแบบ 2 ชั้นไว้ Hacker ก็จะไม่สามารถเข้าสู่ระบบ Gmail ของเราได้

ขั้นตอนเปิดการยืนยันความปลอดภัย 2 ขั้นตอน Gmail ผ่าน Computer

1.เข้าไปที่หน้าเว็บไซต์ www.Google.com จากนั้นคลิกที่ Google Account ของเรา แล้วเลือก Manage your Google Account (จัดการบัญชี Google)

 

2.เมื่อเข้ามาแล้วให้เลือกที่ Personal info (ข้อมูลส่วนบุคคล) จากนั้นเลื่อนลงมาด้านล่างที่หัวข้อ Contact info (ข้อมูลติดต่อ) ให้ทำการใส่เบอร์โทรศัพท์ของเราให้เรียบร้อย

3.เลือกไปที่ Security (ความปลอดภัย) จากนั้นเลื่อนลงมาด้านล่างที่หัวข้อ Signing in to Google (การลงชื่อเข้าใช้ Google) จากนั้นเลือกที่ 2-Step Verification (การยืนยันแบบสองขั้นตอน) แล้วคลิกเข้าไป

4.เมื่อเข้าสู่หน้าการตั้งค่าให้คลิกไปที่ GET STARTED (เริ่มต้นใช้งาน)

5.เมื่อเข้าสู่หน้านี้ระบบจะให้ยืนยันตัวตนโดยการใส่ Password (รหัสผ่าน) อีกครั้ง เมื่อทำการใส่ Password เรียบร้อยแล้ว ให้คลิก Next (ถัดไป) ได้เลย

6.ในส่วนของหน้านี้ให้ทำการ Login Email ของเราไว้ในโทรศัพท์มือถือที่ต้องการใช้ในการยืนยันตัวตนและระบบจะแสดงว่าเราได้ Login Email ไว้ในโทรศัพท์มือถือรุ่นใด เมื่อเสร็จแล้วกด Continue (ดำเนินการต่อ)

7.ในส่วนของหน้านี้ระบบจะให้กรอกเบอร์โทรศัพท์ จากนั้นทำการเลือกว่าเราจะรับรหัสการยืนยันตัวตนด้วยวิธีใด ตัวเลือกแรก คือ Text message (ข้อความ) ตัวเลือกสอง คือ Phone call (การโทร) เมื่อเลือกแล้วคลิกที่ Send (ส่ง)

8.ในส่วนของหน้านี้ระบบจะส่งรหัสไปยังเบอร์โทรศัพท์ที่เราได้กรอกไว้ก่อนหน้านี้ ให้ทำการกรอกรหัสที่ได้รับให้เรียบร้อย แล้วคลิก Next (ถัดไป)

9.ในส่วนของหน้านี้ระบบจะถามว่าเราต้องการที่จะเปิดการยืนยันตัวตนแบบ 2 ขั้นตอนหรือไม่ ให้เราทำการคลิกที่ Turn on เพื่อเป็นการเปิด เท่านี้การเปิดระบบรักษาความปลอดภัยแบบ 2 ขั้นตอนก็เป็นอันเสร็จสิ้น

บทความที่เกี่ยวข้อง

ขยายขีด จำกัด ผู้รับมอบสิทธิ์ของ Gmail

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเพื่อนร่วมงานได้โดยตรงจาก Gmail

Add-ons ใน Gmail ด้วยฟังก์ชัน Compose-time

ตั้งสถานะไม่อยู่ที่ Chat ใน Gmail ได้แล้ว!

การทำงานแบบรวมใน Gmail. เพื่อประหยัดเวลาในการทำงาน

 

การสร้างลายเซ็น(Signature) Gmail ใน Google workspace

การสร้างลายเซ็นต์ (คำลงท้าย Email) คือ การสร้าง Signature เกี่ยวกับตัวเราหรือเกี่ยวกับธุรกิจของเรา เพื่อให้ผู้รับได้ทราบว่าเราคือใครและง่ายต่อการติดต่อกลับในครั้งถัดไป โดยการสร้างลายเซ็นต์สามารถใส่รายละเอียดได้ทั้ง ชื่อ นามสกุล เบอร์โทรศัพท์ หรือชื่อเว็บไซต์ของเรา หรือแม้กระทั่งคำลงท้ายที่ต้องพิมพ์บ่อยๆ เช่น ขอแสดงความนับถือ ขอบคุณครับ/ขอบคุณค่ะ ก็สามารถทำได้เช่นกัน

ลายเซ็นต์ใน Email ช่วยเราได้อย่างไร

ลายเซ็นต์หรือคำลงท้าย Email ช่วยให้ผู้รับ ทราบถึงว่าผู้ส่งมีตัวตนอยู่จริงและป้องกันการปลอมแปลง Email เพราะโดยทั่วไปการปลอมแปลง Email นั้นจะไม่สามารถปลอมลายเซ็นต์หรือคำลงท้าย Email ของบุคคลที่เป็นผู้ส่งได้ ทำให้ลายเซ็นต์หรือคำลงท้าย Email นั้นสำคัญเพราะเป็นการระบุข้อมูลส่วนตัว รวมถึงมีสัญลักษณ์เฉพาะองค์กร เช่น โลโก้บริษัท เป็นต้น

ขั้นตอนการสร้างลายเซ็นด้วย Gmail

1.เข้าสู่ระบบ Gmail จากนั้นคลิกที่รูปฟันเฟืองหรือ Settings เลือก See all Settings

2.ในแถบ General (ทั่วไป) ให้เลื่อนลงมาที่หัวข้อ Signature แล้วเลือก Create new

3.ตั้งชื่อลายเซ็น(คำลงท้าย Email) ที่เราต้องการ เสร็จแล้วคลิกที่ Create

4.จากนั้นกำหนดข้อความที่เราต้องการให้แสดงผล นอกจากนี้สามารถแทรกรูปภาพ ลิงก์ หรือแม้กระทั่งการกำหนดรูปแบบของข้อความ การเปลี่ยนสีของข้อความ การจัดตำแหน่งต่างๆ และปรับขนาดของตัวอักษรได้อีกด้วย

5.หลักจากกำหนดข้อความที่เป็นลายเซ็นต์ (คำลงท้าย Email) เรียบร้อยแล้วให้เลื่อนลงมาด้านล่าง ที่หัวข้อ Signature defaults (ค่าเริ่มต้นของลายเซ็นต์) ในช่องทั้งสองช่องด้านล่างให้เลือกเป็นชื่อลายเซ็นต์ (คำลงท้าย Email) ที่เราตั้งไว้ทั้งสองช่อง 

6.เมื่อทำทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้วให้เลื่อนลงมาด้านล่างสุดแล้วคลิก Save Changes (บันทึกการเปลี่ยนแปลง)

7.หลักจากบันทึกการเปลี่ยนแปลงแล้วเมื่อจะส่ง Email ใหม่ จะมีลายเซ็นต์ (คำลงท้าย Email) ขึ้นมาให้ทุกครั้ง

บทความที่เกี่ยวข้อง

เข้าร่วมการประชุมและการโทรด้วยเสียงจากการแชทแบบ 1:1 โดยใช้ Google Chat ใน Gmail บนมือถือ

การอัปเดตและการปรับปรุงภาพสำหรับช่อง To, Cc และ Bcc ใน Gmail

ทำการค้นหาอีเมลอย่างละเอียดด้วยตัวกรองแบบใหม่ใน Gmail บนเว็บ

บันทึกรูปภาพจากข้อความ Gmail ไปยัง Google Photos ด้วยปุ่ม “บันทึกในรูปภาพ”

ขณะนี้การส่งออก Gmail ในห้องนิรภัยมีไฟล์ข้อมูล CSV metadata

 

Google Drive เตือนผู้ใช้ถึงไฟล์ที่น่าสงสัย

ที่ Google Cloud Next 2021 ได้ประกาศการป้องกันเพิ่มเติมเพื่อป้องกันเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม หากผู้ใช้เปิดไฟล์ที่อาจน่าสงสัยหรือเป็นอันตรายใน Google ไดรฟ์ เราจะแสดงแบนเนอร์คำเตือนเพื่อช่วยปกป้องพวกเขาและองค์กรจากมัลแวร์ ฟิชชิง และแรนซัมแวร์ คำเตือนเหล่านี้มีอยู่แล้วเมื่อเปิด Google เอกสาร ชีต สไลด์ และวาดเขียน

Warning banner on a Doc

 

ผู้ดูแลระบบ: ไม่มีส่วนควบคุมของผู้ดูแลระบบสำหรับคุณลักษณะนี้ ไปที่ศูนย์ช่วยเหลือเพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการป้องกันฟิชชิงและมัลแวร์ขั้นสูง
ผู้ใช้ปลายทาง: ไม่มีการตั้งค่าผู้ใช้ปลายทางสำหรับคุณลักษณะนี้ ไปที่ศูนย์ช่วยเหลือเพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีที่ไดรฟ์ปกป้องความเป็นส่วนตัวและช่วยให้ควบคุมได้

 

Cr.https://workspaceupdates.googleblog.com/

บทความที่เกี่ยวข้อง

ทำให้ไฟล์ทุกประเภทใช้งานแบบออฟไลน์ได้อย่างง่ายดายใน Google Drive

Interface ความคิดเห็นใหม่สำหรับ Google Drive,Docs,Sheet,Slide บน IOS

การควมคุมการเข้าถึงไฟล์ใน Google Drive

ขยายทางลัดใน Google Drive เพื่อลดไฟล์ที่ไม่เป็นระเบียบ

 

TECHNOLOGY LAND CO., LTD.

ตัวแทนผู้ให้บริการ Google Workspace โดยทีม Support ไทย

ป้องกันไม่ให้เพิ่มคำเชิญที่ไม่ต้องการในปฏิทิน

ปรับปรุงการตั้งค่า “เพิ่มคำเชิญโดยอัตโนมัติ” เพื่อช่วยป้องกันไม่ให้เพิ่มคำเชิญที่ไม่ต้องการในปฏิทิน ขณะนี้สามารถเลือกทำอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้

  • เพิ่มคำเชิญโดยอัตโนมัติเสมอ
  • ให้เพิ่มโดยอัตโนมัติเฉพาะเมื่อคุณตอบรับคำเชิญเข้าร่วมกิจกรรมทางอีเมล

These settings allow you to prevent invitations from automatically being added to your calendar or to be visible for others who you've shared your calendar with

การตั้งค่าเหล่านี้ทำให้สามารถป้องกันไม่ให้เพิ่มคำเชิญในปฏิทินโดยอัตโนมัติหรือแสดงให้ผู้อื่นที่แชร์ปฏิทินด้วย

 

รายละเอียดเพิ่มเติม

  • หากเลือกที่จะเพิ่มกิจกรรมเฉพาะเมื่อตอบรับคำเชิญ จะเห็นตัวเลือกเพิ่มเติมเพื่ออนุญาตให้ผู้ที่มีสิทธิ์ดูหรือแก้ไขกิจกรรมเพื่อดูคำเชิญทั้งหมด
  • เมื่อคุณเปลี่ยนการตั้งค่า จะเป็นตัวกำหนดว่ากิจกรรมในอนาคตจะเพิ่มลงในปฏิทินหรือไม่ กิจกรรมที่มีอยู่แล้วในปฏิทินจะยังปรากฏให้เห็น เว้นแต่จะลบออก
  • หากเลือกที่จะเพิ่มเฉพาะกิจกรรมเมื่อรับคำเชิญ จะได้รับอีเมลเชิญให้เข้าร่วมกิจกรรมทั้งหมด แม้ว่าผู้จัดจะเลือกไม่ส่งก็ตาม ซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ให้พลาดกิจกรรม โปรดทราบว่าสิ่งนี้ใช้ไม่ได้กับการอัปเดต เฉพาะคำเชิญเท่านั้น
  • ทางระบบ Google ย้ายตัวเลือกการแจ้งเตือน (“ใช่ แต่แจ้งให้ฉันทราบเฉพาะเมื่อฉันตอบว่าใช่หรืออาจจะ”) ลงในส่วนการแจ้งเตือนเพื่อช่วยให้จัดการได้ดียิ่งขึ้นเมื่อได้รับการแจ้งเตือน

 

Cr.https://workspaceupdates.googleblog.com/

บทความที่เกี่ยวข้อง

แชร์ตำแหน่งที่คุณทำงานจากใน Google Calendar

การตั้งค่าใหม่ใน calendar ช่วยประหยัดเวลามากขึ้น

ดู google calendar จากหน้า gmail

เพิ่มเวลาในประเทศอื่นลงใน Google Calendar ของคุณ

 

TECHNOLOGY LAND CO., LTD.

Technology Land ผู้จัดจำหน่าย Google Workspace