สร้างหรือนำเข้าลายน้ำใน Google Docs

รู้หรือไม่ว่าใน Google Docs ได้เพิ่มฟีเจอร์ (Feature) ในการสร้างและนำเข้าลายน้ำได้แล้ว ทั้งในรูปแบบของรูปภาพและข้อความ ซึ่งการเพิ่มลายน้ำไว้ในเอกสารของเราเป็นการปกป้องและแสดงความเป็นเจ้าของในเอกสารของเราได้ และการเพิ่มลายน้ำจะถูกทำซ้ำในทุกหน้าของเอกสาร ประโยชน์ของลายน้ำอีกอย่างหนึ่งก็คือ จะช่วยให้เราสามารถใส่โลโก้ของบริษัท หรือการสร้างแบรนด์ของเรา อีกทั้งลายน้ำจะยังคงอยู่เมื่อนำเข้าหรือส่งออกเอกสารจาก Microsoft Word

วิธีการเพิ่มลายน้ำใน Google Docs

การเพิ่มลายน้ำแบบรูปภาพ

1.เปิดเอกสาร Google Docs ในคอมพิวเตอร์ (Computer)

2. จากนั้นคลิกที่ “ว่าง” หรือ ถ้าหากว่ามีเอกสารที่ต้องการจะเพิ่มลายน้ำไว้อยู่แล้วให้เปิดเอกสารนั้นขึ้นมา

3.จากนั้นคลิกที่ “แทรก” เลือก “ลายน้ำ”

4.ให้คลิกที่ “รูปภาพ” เลือก “เลือกรูปภาพ”

5.จากนั้นทำการแทรกลายน้ำที่ต้องการ กรณีที่มีลายน้ำในคอมพิวเตอร์ (Computer) ให้เลือก “อัปโหลด” และคลิก “เรียกดู”

6.เลือก Folder ที่ได้ทำการบันทึกรูปภาพไว้ จากนั้น “เลือกรูปที่เราต้องการ” คลิก “Open”

7.จากนั้นจะปรากฏลายน้ำที่เราเลือก

1.สามารถเปลี่ยนลายน้ำได้โดยกดที่รูปดินสอ

2.ในส่วนของสเกล (Scale) สามารถปรับได้ว่าต้องการให้ลายน้ำมีขนาดเท่าใด

3.ปรับให้ลายน้ำจางหรือไม่จาง

4.เมื่อปรับลายน้ำตามที่ต้องการแล้วให้คลิก “เสร็จสิ้น”

การเพิ่มลายน้ำแบบข้อความ

1.เลือกที่ “ข้อความ”

2.ใส่ข้อความที่ต้องการทำเป็นลายน้ำ

3.เลือก Font (แบบอักษร) ที่ต้องการ

4.กำหนดขนาดของตัวอักษรที่ต้องการ

5.เลือก ตัวหนา ตัวเอียง และเลือกสีที่ต้องการ

6.กำหนดความโปร่งใสของลายน้ำที่ต้องการ

7.กำหนดได้ว่าต้องการให้ลายน้ำเป็นแบบทะแยงมุมหรือแบบแนวนอน

8.จากนั้นคลิก “เสร็จสิ้น”

บทความที่เกี่ยวข้อง

เพิ่มตัวแบ่งหน้าก่อนย่อหน้าใน Google Docs ในมือถือ

วิธีใหม่ในการปรับแต่งตารางใน Google Docs

Google Docs Export PDF แล้ว Font และช่องไฟไม่ตรง

สร้างและทำงานกับเอกสารที่มีการวางแนวหลายหน้าใน Google Docs

การ Export ไฟล์ Google Docs ไปเปิดในโปรแกรม Word

 

 

 

เปลี่ยนสถานะการสนทนาใน Gmail

รู้หรือไม่ว่าเราสามารถตั้งค่าสถานะการสนทนาใน Gmail (Google Workspace) ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เราต้องการได้ หากว่าคุณไม่ต้องการให้เสียงข้อความการสนทนาใน Gmail (Google Workspace) มารบกวนขณะที่เรากำลังประชุมอยู่หรือต้องการความสงบ หรือเราต้องการแสดงสถานะว่าตอนนี้เราไม่อยู่เป็นเวลานานเท่าไรแล้ว ก็สามารถทำได้

ขั้นตอนการเปลี่ยนสถานะการสนทนาใน Gmail (Google Workspace)

1.เข้าสู่ระบบ บัญชี Gmail (Google Workspace)

2.คลิกที่ด้านขวาบน แล้วเลือกแชท (Chat)

3.ในแผงแชท (Chat) ให้เราเลือกสถานะที่เราต้องการ มีไอคอน (Icon) ดังต่อไปนี้

  • “อัตโนมัติ” (Automatic) คือ ว่างอยู่
  • “ห้ามรบกวน” (do not disturb) หากเลือกสถานะห้ามรบกวนให้เลือกระยะเวลาที่ต้องการปิดการแจ้งเตือนด้วย
  • “ไม่อยู่” (Set as away) จะแสดงสถานะว่าเราไม่อยู่ในช่วง 15 นาทีที่ผ่านมา หรือ ไม่อยู่เกินกว่า 15 นาทีที่ผ่านมา

4.นอกจากสถานะที่มีอยู่แล้วเรายังสามารถกำหนดสถานะที่เราต้องการได้เองอีกด้วย โดยการเลือกที่ “ใส่สถานะ” (Add a status)

5.ใส่ข้อความที่เราต้องการ นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่มหรือเปลี่ยนอีโมจิ (Emoji) ที่เราต้องการได้อีกด้วย จากนั้นในส่วนของ “ล้างสถานะเมื่อพ้น” (Clear status after) เลือกระยะเวลาสิ้นสุดสถานะที่เรากำหนด จากนั้นคลิก “เสร็จสิ้น” (Done)

บทความที่เกี่ยวข้อง

[Google Workspace] วิธีติดตั้งอีเมล์ลงมือถือผ่าน App Gmail (android)

[Google Workspace] วิธีติดตั้งอีเมล์ลงมือถือผ่าน App Gmail (ios)

Gmail สำหรับ Google Workspace คืออะไร

ดูพื้นที่ของ Gmail ใน Google Workspace มีขนาดเท่าไร ?

Google Apps ฟรีถูกยกเลิกให้บริการ 1 กรกฎาคม 2565 นี้

 

 

เข้าร่วมวิดีโอคอลจาก Gmail

การติดต่อสื่อสารแบบวิดีโอคอล (Video call) นั้นช่วยให้การติดต่อสื่อสารในปัจจุบันสะดวกมากขึ้น เพราะว่าในสมัยก่อนเราอาจจะแค่คุยกันผ่านทางโทรศัพท์ซึ่งได้ยินเพียงแค่เสียงเท่านั้น แต่เมื่อมีการติดต่อสื่อสารแบบวิดีโอคอล (Video call) เข้ามา เราก็สามารถที่จะมองเห็นหน้า ได้ยินเสียงและที่สำคัญบุคคลที่เข้าร่วมไม่ว่าจะอยู่ที่เดียวกันหรือแม้แต่จะอยู่ที่ห่างไกลออกไปก็สามารถที่จะติดต่อสื่อสารกันผ่านวิดีโอคอล (Video call) นี้ได้ ในปัจจุบันได้นำวิดีโอคอล (Video call) เข้ามาใช้ทั้งในเรื่องของการติดต่อสื่อสารแบบส่วนตัว แบบธุรกิจ หรือการประชุมติดต่องานระหว่างหัวหน้างานและพนักงาน ซึ่งการวิดีโอคอล (Video call) มีทั้งแบบติดต่อสื่อสารผ่านแชท Facebook ,Line และในส่วนของ Gmail (Google Workspace) ก็มีเช่นกัน แต่จะมีวิธีการเข้าร่วมการติดต่อสื่อสารแบบวิดีโอคอล (Video call) อย่างไร มาดูกันเลย

เริ่มวิดีโอคอล

1.เข้าสู่ระบบ บัญชี Gmail (Google Workspace)

2.คลิกที่ การสนทนาใหม่ (New conversation)

3. ให้ป้อนชื่อ,อีเมล (Email) หรือเบอร์โทรศัพท์ ที่ต้องการให้เข้าร่วมการประชุมผ่านวิดีโอคอล (Video call)

4.เมื่อป้อนรายชื่อที่ต้องการจะให้เข้าร่วมการประชุมผ่านวิดีโอคอล (Video call) เสร็จแล้ว ให้คลิกที่รายชื่อ และคลิก เริ่ม Hangouts วิดีโอ (Start video call) เพื่อเริ่มการประชุม

5.ก่อนเข้าร่วมการประชุมครั้งแรก โปรดอนุญาตให้สิทธิ์การเข้าใช้งานไมโครโฟน (microphone) และกล้อง (camera) ก่อน  คลิกที่ อนุญาต (Allow) และเริ่มการประชุมผ่านวิดีโอคอล (Video call) ได้เลย

เข้าร่วมวิดีโอคอล

1.เข้าสู่ระบบ บัญชี Gmail (Google Workspace)

2.คลิกเข้าร่วมการประชุม (Join a meeting)

3.ให้ป้อนรหัสการประชุมที่ผู้จัดส่งให้ จากนั้นคลิก เข้าร่วม (Join)

4.ก่อนเข้าร่วมการประชุม เราสามารถปิดหรือเปิดกล้อง (camera) และไมโครโฟน (microphone) ได้ จากนั้นคลิก เข้าร่วมเลย เพื่อเข้าร่วมการประชุม

5.เมื่อการประชุมเสร็จสิ้นให้กด วางสาย

บทความที่เกี่ยวข้อง

[Google Workspace Admin] การตั้งค่า MX และ TXT สำหรับ Google Workspace และ Gmail

เพิ่มกิจกรรมจาก Gmail ไปยัง google calendar โดยอัตโนมัติ

ดู google calendar จากหน้า gmail

การใช้งาน Gmail แบบ Offline

จัดการข้อความขาเข้าโดยอัตโนมัติด้วยตัวกรองของ Gmail

ใช้บัญชี Gmail จาก app อื่นต้องตั้งค่าอย่างไร

ในปัจจุบันคนส่วนใหญ่ใช้งาน Gmail (Google Workspace) ในการติดต่อสื่อสารทั้งทางด้านธุรกิจและธุระส่วนตัว โดยการใช้งานมีหลากหลายทางเลือก ทั้งใช้งานผ่านเว็บไซต์ (Website) โดยตรง ใช้งานผ่านแอพพลิเคชั่น (Application) ในสมาร์ทโฟน (smartphone) ใช้งานผ่าน Microsoft Outlook หรือ Apple Mail เป็นต้น แต่รู้หรือไม่ว่าใน Gmail (Google Workspace) สามารถที่จะดึงข้อมูลจากแอพพลิเคชั่น (Application) อื่นๆ เข้ามาได้ โดยการเปิดใช้งาน IMAP และ POP แต่ก่อนที่จะไปเรียนรู้ขั้นตอนการเปิดใช้งาน เรามาทำความรู้จัก IMAP และ POP ก่อนว่าคืออะไร

IMAP คืออะไร ?

IMAP คือ การดาวน์โหลด (Download) ข้อความในอีเมล (Email) เข้ามาในเครื่องที่เรากำลังใช้งานอยู่แต่ไม่ได้เป็นการจัดเก็บข้อมูลเหล่านั้นไว้ เราสามารถใช้งาน IMAP ได้จากอุปกรณ์ต่างๆหลายเครื่อง ทั้งในโทรศัพท์มือถือ เครื่องคอมพิวเตอร์ (Computer) แท็บเล็ต (Tablet) เป็นต้น

POP คืออะไร ?

POP คือ การดาวน์โหลด (Download) ข้อความในอีเมล (Email) จากแอพพลิเคชั่น (Application) อื่น เช่น Microsoft Outlook จากเครื่องคอมพิวเตอร์ (Computer) อีกเครื่องหนึ่ง เข้ามาเก็บไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ (Computer) ที่เรากำลังใช้งานอยู่ ซึ่งหลังจากการดาวน์โหลด (Download) เสร็จแล้ว ข้อมูลจากเครื่องคอมพิวเตอร์ (Computer) ที่ไม่ได้ใช้งานจะถูกลบออก ซึ่งหมายความว่าการเปิดใช้งาน POP จะเข้าใช้งานได้แค่ทีละเครื่องและสามารถเข้าถึงข้อมูลอีเมล (Email) โดยใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ (Computer) เครื่องเดิมเท่านั้น

ขั้นตอนการเปิดใช้งาน IMAP และ POP

1. เข้าสู่ระบบอีเมล (Email) จากนั้นไปที่ฟันเฟืองหรือการตั้งค่า (Settings) เลือก ดูการตั้งค่าทั้งหมด (See all settings)

2.คลิกที่การส่งต่อและPOP/IMAP (Forwarding and POP/IMAP)

3.หัวข้อ ดาวน์โหลด (Download) ผ่าน POP (POP download) ให้คลิกเลือก เปิดใช้ POP ในอีเมล (Email) ทั้งหมด (Enable POP for all mail)

4.หัวข้อ การเข้าถึงแบบ IMAP (IMAP access) ให้คลิกเลือก ใช้ IMAP (Enable IMAP)

5.เลื่อนมาด้านล่างในหัวข้อ ขีดจำกัดของขนาดโฟลเดอร์ (Folder size limits)ให้คลิกเลือก ไม่จำกัดจำนวนข้อความในโฟลเดอร์ IMAP (ค่าเริ่มต้น) (Do not limit the number of messages in an IMAP folder (default) ) จากนั้นคลิกบันทึกการเปลี่ยนแปลง (Save Changes) เท่านี้การเปิดใช้งาน IMAP และ POP ก็เป็นอันเสร็จสิ้น

บทความที่เกี่ยวข้อง

เขียนจดหมายส่งในภายหลังด้วยกำหนดการส่งใน Gmail

การเปลี่ยนมุมมองการสนทนาของ Gmail

แนะนำเรื่องการเขียน Gmail Smart

ค้นหาข้อมูลอย่างรวดเร็วใน Gmail, เอกสาร, ไดรฟ์, ปฏิทินและอื่น ๆ

Inbox by Gmail ปิดตัวลงเมื่อปลายเดือนมีนาคม

รู้หรือไม่โหมดข้อมูลลับใน Gmail ป้องกันข้อมูลและไฟล์แนบในการส่ง Email ได้

โหมดข้อมูลลับใน Gmail (Google Workspace) มีประโยชน์อย่างไร

การส่งข้อความและไฟล์แนบโดยใช้โหมดข้อมูลลับใน Gmail (Google Workspace) จะช่วยป้องกันข้อมูลที่ละเอียดอ่อนไม่ให้มีการเข้าถึงจากบุคคลที่ไม่ได้รับอนุญาตได้ นอกจากนี้การใช้โหมดข้อมูลลับใน Gmail (Google Workspace) ยังสามารถที่จะกำหนดวันหมดอายุของข้อความหรือเพิกถอนสิทธิ์การเข้าถึงข้อความและไฟล์แนบได้ตลอดเวลา และผู้รับจะไม่มีสิทธิ์ในการส่งต่อ คัดลอก พิมพ์ ดาวน์โหลด(Download) ข้อความและไฟล์แนบที่ส่งไปได้

หมายเหตุ: ถึงแม้ว่าการใช้โหมดข้อมูลลับในการส่งข้อความและไฟล์แนบจะช่วยป้องกันไม่ให้ผู้รับส่งต่อ คัดลอก พิมพ์ ดาวน์โหลดข้อความหรือไฟล์แนบที่ส่งไปโดยไม่ได้ตั้งใจได้ แต่ไม่ได้ป้องกันไม่ให้ผู้รับถ่ายภาพหน้าจอหรือรูปภาพของข้อความและไฟล์แนบ และหากผู้รับมีโปรแกรมที่เป็นอันตรายในคอมพิวเตอร์ (Computer) ก็สามารถที่จะดาวน์โหลด (Download) คัดลอก ข้อความหรือไฟล์แนบได้

ขั้นตอนในการใช้โหมดข้อมูลลับในการส่งข้อความและไฟล์แนบ

1.เข้าสู่ระบบ Gmail (Google Workspace) แล้วเลือก เขียน

2.เมื่อใส่อีเมล (Email) ผู้รับ ชื่อเรื่อง และส่วนของเนื้อหาที่จะส่งเรียบร้อยแล้ว ให้คลิกเปิดโหมดข้อมูลลับด้านล่าง

3.ในส่วนนี้ให้ทำการกำหนดวันหมดอายุของอีเมล (Email) ว่าต้องการให้อีเมล (Email) ทำลายตัวเองในอีกกี่วันนับตั้งแต่วันที่ผู้รับได้รับ หลังจากที่อีเมล (Email) ทำลายตัวเองตามวันที่กำหนดไว้ผู้รับจะไม่สามารถเปิดดูอีเมล (Email) ฉบับนี้ได้อีก

 

4.ในส่วนนี้สามารถกำหนดได้ว่าต้องการให้ผู้รับใช้รหัสผ่านในการเปิดอีเมล (Email) ฉบับนี้หรือไม่

-ไม่มีรหัสผ่านทาง SMS  ถ้าผู้รับใช้ Gmail (Google Workspace) ผู้รับจะสามารถเปิดอีเมล (Email) ฉบับนี้ได้โดยตรง แต่ถ้าผู้รับไม่ได้ใช้Gmail (Google Workspace) จะได้รับรหัสผ่านทางอีเมล (Email)

-รหัสผ่านทาง SMS ใส่หมายเลขโทรศัพท์ของผู้รับ เมื่อผู้รับจะเปิดอ่านอีเมล (Email) ฉบับนี้ จะได้รับรหัสผ่านทาง SMS จากนั้นกดบันทึก

 

5.ถ้าเลือกรหัสผ่านทาง SMS เมื่อคลิกส่ง ระบบจะให้เลือกประเทศและใส่หมายเลขโทรศัพท์ของผู้รับ จากนั้นคลิกส่งอีกครั้ง

บทความที่เกี่ยวข้อง

Email แบบ Dynamic ใน Gmail พร้อมใช้งานแล้ว

Sent Limit ของ Gmail สำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่

Sent Limit ในการรับส่ง Gmail สำหรับ Google Workspace

วิธีการเปลี่ยนภาษา Gmail บน G suite

Smart Compose พร้อมใช้งานใน Gmail Android และ iOS

 

การเปลี่ยน Password (รหัสผ่าน) ใน Gmail/Workspace ช่วยให้ปลอดภัยและมีวิธีทำอย่างไร

การเปลี่ยน Password (รหัสผ่าน) บัญชี Gmail ของเราบ่อยๆช่วยให้บัญชีของเราปลอดภัยมากขึ้นเนื่องด้วยการเปลี่ยน Password บ่อยๆจะยากต่อการถูกมิจฉาชีพหรือบุคคลที่ไม่ประสงค์ดีเข้ามาโจรกรรมข้อมูลของเรา เพราะในบัญชี Gmail ของเรานั้นจะมีข้อมูลที่เป็นส่วนสำคัญทั้งในด้านของการติดต่อธุรกิจและการทำธุรกรรมต่างๆ โดยส่วนใหญ่การเปลี่ยน Password ควรทำทุกๆ 3-6 เดือน และ Password ที่ตั้งใหม่ ควรประกอบไปด้วย ตัวอักษรภาษาอังกฤษพิมพ์ใหญ่-พิมพ์เล็ก ตัวเลข และตัวอักขระพิเศษผสมกันเพื่อยากต่อการคาดเดา การเปลี่ยน Password Gmail นั้นสามารถทำได้ทั้งใน Smartphone และ Computer โดยมีขั้นตอนดังต่อไปนี้

ขั้นตอนการเปลี่ยน Password (รหัสผ่าน) ใน Gmail

1.เข้าสู่ระบบบัญชี Gmail  ของเรา แล้วเลือกที่ บัญชี Google

2.จากนั้นไปที่หัวข้อ ความปลอดภัย เลื่อนลงมาที่หัวข้อ การลงชื่อเข้าใช้ Google แล้วคลิกที่รหัสผ่าน

3.จากนั้นระบบจะให้เรายืนยันตัวตนโดยการใส่ รหัสผ่าน จากนั้นคลิก ถัดไป

4.ขั้นตอนนี้ให้กำหนดรหัสผ่านใหม่ที่เราต้องการใส่ลงไปให้ครบถ้วนทั้งสองช่อง โดยการตั้งรหัสผ่านใหม่ควรที่จะใช้ตัวอักษรภาษาอังกฤษตัวเล็ก-ตัวใหญ่ ตัวเลข และอักขระพิเศษผสมกันอย่างน้อย 8 ตัว เพื่อยากต่อการคาดเดา จากนั้นคลิกเปลี่ยนรหัสผ่าน เพียงเท่านี้ก็เป็นอันเสร็จสิ้น

บทความที่เกี่ยวข้อง

Meetใน Gmail บนมือถือตอนนี้กำลังเปิดตัวบน iOS

Google ให้บริการภาษาสเปนใน Docs และ Gmail แล้ว

สามารถปรับแต่งเค้าโครง gmail ได้แล้ว

Google เปิดใช้งาน Google Meet ใน Gmail บนมือถือ

แก้ไขกิจกรรมในปฏิทินโดยตรงจาก Gmail และ Docs