ภาพประกอบหัวข้อ วิธีการปิด Take notes for me ใน Google Meet (How to turn off Take notes for me in Google Meet)

วิธีการปิด Take notes for me ใน Google Meet

ฟีเจอร์ “Take notes for me” ใน Google Meet เป็นระบบที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อจดบันทึกการประชุมให้อัตโนมัติ

วิธีการปิดฟีเจอร์ Take notes for me โดย Admin

  1. เข้าสู่ระบบ Admin ของ Google Workspace
  2. ไปที่เมนู App -> Google Workspace -> Google Meet​
  3. เลือก การตั้งค่า Gemini​
  4. ภายใต้ส่วน การจดโน้ตด้วย AI ของ Google ยกเลิกการเลือกตัวเลือก อนุญาตให้ผู้เข้าประชุมใช้การจดโน้ตด้วย AI ของ Google ในการประชุม

หมายเหตุ : การดำเนินการนี้จะปิดการใช้งานฟีเจอร์ “Take notes for me” กับผู้ใช้งานทุกคนภายในโดเมน

วิธีการปิด Take notes for me โดย User

วิธีการปิด Take notes for me โดย User แบ่งออกเป็น 2 วิธี ดังนี้

วิธีการปิด Take notes for me ในช่วงก่อนเริ่มการประชุม

ในหน้าต่างการตั้งค่าของการประชุม ยกเลิกการเลือกตัวเลือกที่เกี่ยวข้องกับการจดบันทึกอัตโนมัติ

วิธีการปิด Take notes for me ในช่วงระหว่างการประชุม

คลิกที่ไอคอนดินสอสีฟ้าที่มุมขวาบนของหน้าจอ แล้วเลือกปิดการจดบันทึก

หากต้องการใช้ Google Workspace สามารถได้ทำอย่างไร ?

สามารถใช้งาน Google Workspace ราคาถูกได้โดยการทำ Hybird Email โดยสามารถสอบถามกับทางเทคโนโลยีแลนด์ได้เลย

บทความที่เกี่ยวข้อง

บทความที่น่าสนใจ

ภาพประกอบบทความการตั้งค่าเปิดแจ้งเตือนเมื่อผู้รับได้รับอีเมล (Setting to turn on notifications when recipients receive emails)

การตั้งค่าเปิดแจ้งเตือนเมื่อผู้รับได้รับอีเมล

ใน Google Workspace สามารถตั้งค่าเพื่อให้ทราบว่าผู้รับได้รับอีเมลแล้วโดยใช้ “การยืนยันว่าอ่านแล้ว” (Read Receipt) ซึ่งเป็นฟีเจอร์สำหรับบัญชีที่ใช้ Google Workspace (บัญชี Gmail ปกติใช้ฟีเจอร์นี้ไม่ได้)

การเปิดใช้งาน Read Receipt บน Google Workspace

เปิดใช้งานใน Google Admin Console

การเปิดใช้งาน Read Receipt ต้องเข้ามาที่ Google Admin Console เพื่อเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้ก่อน มีวิการดังนี้

  1. ไปที่ Google Admin Console
  2. ไปที่ Apps -> Google Workspace -> Gmail
  3. เลือก User settings
  4. เลื่อนลงไปที่ Email read receipts
  5. เลือกตัวเลือกที่ต้องการ
    • Allow email read receipts to be sent to all addresses in your organization and to whitelisted external addresses (ให้ใช้งานได้ภายในโดเมน และกับบางโดเมนที่กำหนด)
    • Allow email read receipts to be sent to any email address (ให้ใช้งานได้กับทุกคน รวมถึงภายนอกโดเมน)
  6. กด Save

วิธีขอการยืนยันว่าอ่านแล้ว

หลังจากที่เปิดใช้งาน Read Receipt แล้ว ผู้ใช้งานก็สามารถใช้งาน Read Receipt ได้ดังนี้

  1. เปิด Gmail
  2. คลิก เขียน (Compose) เพื่อสร้างอีเมลใหม่
  3. พิมพ์เนื้อหาอีเมลตามต้องการ
  4. คลิกที่ จุดสามจุด (⋮) ตรงมุมขวาล่างของหน้าต่างเขียนอีเมล
  5. เลือก ขอการยืนยันว่าอ่านแล้ว (Request read receipt)
  6. กด ส่ง (Send)

วิธีดูว่าอีเมลถูกอ่านแล้วหรือยัง

เมื่อผู้รับเปิดอีเมล และยอมรับการแจ้งเตือน ระบบจะแจ้งเตือนว่าอีเมลถูกอ่านแล้ว และผู้ใช้งานจะได้รับอีเมลแจ้งเตือน หรือ สามารถดูใน Gmail ได้ว่าอีเมลถูกเปิดอ่านแล้ว

ข้อจำกัดของ Read Receipt

  • ผู้รับต้อง กดยืนยัน (Accept read receipt) ระบบจึงจะส่งการแจ้งเตือนกลับมา
  • ใช้ได้เฉพาะกับ Google Workspace ไม่สามารถใช้กับบัญชี Gmail ปกติได้
  • ไม่สามารถบังคับให้ผู้รับยืนยันการอ่านอีเมลได้
  • หากผู้รับใช้งานอีเมลผ่าน Apple Mail, Outlook, หรือแอปอื่น ๆ อาจไม่รองรับ Read Receipt

หากต้องการใช้ Google Workspace สามารถได้ทำอย่างไร ?

สามารถใช้งาน Google Workspace ราคาถูกได้โดยการทำ Hybird Email โดยสามารถสอบถามกับทางเทคโนโลยีแลนด์ได้เลย

บทความที่เกี่ยวข้อง

บทความที่น่าสนใจ

ภาพประกอบบทความ Google Workspace สามารถ Recall Email ได้ หรือ ไม่ ? (Can Google Workspace Recall Email?)

Google Workspace สามารถ Recall Email ได้ หรือ ไม่ ?

การ Recall Email เป็นสิ่งที่ผู้ใช้งานต้องการเป็นอย่างมาก เพราะบางทีผู้ใช้งานอาจผิดพลาดส่งอีเมลไปหาผู้รับผิดคน หรือ ส่งอีเมลที่เนื้อหาไม่ถูกต้องจนทำให้เกิดความเสียหายได้ แต่การ Recall Email นั้น ไม่ได้สามารถทำได้ง่าย ๆ เพราะมีปัจจัยในหลาย ๆ เรื่อง และยังมีกฎบังคับ แต่อย่างไรก็ตาม Google Workspace ยังมี Function Undo Send มาให้สำหรับผู้ที่ต้องการยกเลิกการส่ง

Undo Send ใน Google Workspace คืออะไร ?

Undo Send คือ Function ที่ทาง Google ได้จัดทำขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ในกรณีที่ผู้ใช้งาน อาจส่งหาผู้รับผิดคน หรือ ยังแก้ไขเนื้อหาในอีเมลไม่เสร็จ และเผลอไปกดส่งเข้า ตัว Undo Send นี้ก็จะมี POP UP ขึ้นมาผู้ใช้งานสามารถกด Undo Send ได้ ซึ่งจะมีระยะเวลา 5 – 30 วินาที (ขึ้นอยู่กับการตั้งค่า)

สามารถตั้งค่า Undo Send ได้อย่างไร ?

  1. เข้าไปที่หน้า Gmail
  2. เข้าไปที่ Settings และเลือก See all settings
  3. ในหน้า General ให้หาหัวข้อ Undo Send
  4. เลือกระยะเวลาที่ต้องการแสดง POP UP (5, 10, 20 หรือ 30 วินาที)
  5. กด Save Changes เพื่อบันทึก

ข้อจำกัดของ Undo Send !

  • หากไม่ได้เปิดใช้งาน Function Undo Send ไว้ล่วงหน้า จะไม่สามารถยกเลิกการส่งอีเมลได้
  • สามารถตั้งเวลา POP UP ได้สูงสุด 30 วินาทีเท่านั้น หากไม่ได้กด Undo Send ภายในเวลาที่ตั้งค่า อีเมลจะถูกส่งถึงผู้รับ และไม่สามารถยกเลิกได้

หากต้องการใช้ Google Workspace สามารถได้ทำอย่างไร ?

สามารถใช้งาน Google Workspace ราคาถูกได้โดยการทำ Hybird Email โดยสามารถสอบถามกับทางเทคโนโลยีแลนด์ได้เลย

ข้อมูลโดยสรุป

Recall Email เป็นสิ่งที่ผู้ใช้งานต้องการเป็นอย่างมาก เพราะบางทีผู้ใช้งานอาจผิดพลาดส่งอีเมลไปหาผู้รับผิดคน หรือ ส่งอีเมลที่เนื้อหาไม่ถูกต้องไปจนทำให้เกิดความเสียหายได้ แต่การ Recall Email นั้น ไม่ได้สามารถทำได้ง่าย ๆ แต่อย่างไรก็ตาม Google Workspace ยังมี Function Undo Send มาให้สำหรับผู้ที่ต้องการยกเลิกการส่ง

บทความที่เกี่ยวข้อง

บทความที่น่าสนใจ

ภาพประกอบหัวข้อGoogle Workspace หนึ่งทางเลือกของ Email Hosting (Google Workspace, one alternative for Email Hosting)

Google Workspace หนึ่งทางเลือกของ Email Hosting

Email Hosting หรือ เรียกอีกอย่างคืออีเมบริษัท ซึ่ง Email Hosting นั้นมีให้เลือกใช้งานหลากหลายระบบโดย Google Workspace คือหนึ่งในระบบอีเมลที่มีผู้เลือกใช้งานอย่างมาก

Google Workspace คืออะไร ?

Google Workspace คือระบบอีเมลที่ให้บริการโดย Google โดย Google Workspace จะประกอบไปด้วย Email Hosting, Google Drive, Google Sheet, Google Meet, Google Docs และอื่น ๆ

Google Workspace มีให้บริการแบบใดบ้าง ?

Google Workspace มีให้บริการหลากหลาย Plan โดยมีรายละเอียด ดังนี้

Google Workspace Business Starter

  • พื้นที่ 30 GB / Account
  • สามารถเข้าประชุมได้พร้อมกัน 100 Account (Google Meet)
  • มีเครื่องมือสำหรับองค์กร เช่น Google DocGoogle SheetGoogle Slides
  • ราคา 2,490 บาท / Account / ปี

Google Workspace Business Standard

  • พื้นที่ 2 TB / Account
  • สามารถเข้าประชุมได้พร้อมกัน 150 Account (Google Meet)
  • มีเครื่องมือสำหรับองค์กร เช่น Google Doc, Google Sheet, Google Slides
  • สามารถเก็บไฟล์บันทึกการประชุมไว้ใน (Google Drive)
  • ราคา 5,600 บาท / Account / ปี

Google Workspace Business Plus

  • พื้นที่ 5 TB / Account
  • สามารถเข้าประชุมได้พร้อมกัน 500 Account (Google Meet)
  • มีเครื่องมือสำหรับองค์กร เช่น Google Doc, Google Sheet, Google Slides
  • สามารถเก็บไฟล์บันทึกการประชุมไว้ใน (Google Drive)
  • ห้องเก็บข้อมูลนิรภัย (Google Vault)
  • ราคา 9,500 บาท / Account / ปี

หากต้องการใช้ Google Workspace สามารถได้ทำอย่างไร ?

สามารถใช้งาน Google Workspace ราคาถูกได้โดยการทำ Hybird Email โดยสามารถสอบถามกับทางเทคโนโลยีแลนด์ได้เลย

ข้อมูลโดยสรุป

Google Workspace คือ Email Hosting ที่มีผู้เลือกใช้งานอย่างมากโดย Google Workspace มีให้บริการหลากหลาย Plan ซึ่งการเลือกใช้งานควรเลือกใช้งาน Plan ที่ตอบโจทย์กับงบประมาณที่มี และความต้องการใช้งานมากที่สุด

บทความที่เกี่ยวข้อง

บทความที่น่าสนใจ

ภาพประกอบหัวข้อการเริ่มต้นใช้งาน Google Workspace สำหรับมือใหม่ (Getting started with Google Workspace for beginners)

การเริ่มต้นใช้งาน Google Workspace สำหรับมือใหม่


Google Workspace บริการระบบอีเมลออนไลน์จาก Google ที่รวบรวมอุปกรณ์ที่ออกแบบมาเพื่อการทำงานร่วมกันในองค์กรทั้งในรูปแบบการทำงานนร่วมกันในสถายที่หรือนอกสถานที่ ชุดเครื่องมือดังกล่าวมีตั้งแต่แอปพลิเคชันที่ที่อาจใช้งานอยู่ในชีวิตการทำงานอยู่แล้วเช่น Mail, Google Drive, Google Docs, Google Sheets, Google Meet และอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและการสื่อสารให้กับองค์กรไม่ว่าจะเป็นการแชร์ไฟล์ การทำงานร่วมกันแบบเรียลไทม์ หรือการจัดการปฏิทินการประชุม

โดยในบนความนี้เราจะมากล่าวถึงการเริ่มต้นใช้งาน Google Workspace สำหรับมือใหม่เพิ่มเติม

สิ่งที่ต้องเตรียมพร้อมก่อนเริ่มใช้งาน Google Workspace

ด้วยความที่ Google Workspace เป็นระบบที่พัฒนาต่อเนื่องมาและมีตัวที่ให้บริการฟรีอย่าง Gmail ซึ่งเป็นระบบมี่มีผู้ใช้งานจำนวนมากอยู่แล้ว ดังนั้นการปรับตัวของ User จึงไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวลมากนัก เพราะการใช้งานส่วนใหญ่และหน้าตาของ UI หรือช่องทางการเข้าใช้งานนั้นสามารถเช้าใช้งานใน www.gmail.com ได้เช่นเดิมเพียงเปลี่ยนจาก @gmail เป็น @Domain.com เท่านั้น ซึ่งต่อให้ผู้ใช้งานไม่เคยใช้งาน Gmail มาก่อนนั้นก็สามารถใช้งาน Google Workspace ได้อย่างง่ายดายเนื่องจากระบบถูกออกแบบมาให้สามารถใช้งานได้ง่ายแม้งไม่เคยใช้งานหรือไม่เชียวชาญด้าน IT

ในส่วนของข้อมูลที่ต้องเตรียมไว้สำหรับจะขึ้นระบบเริ่มใช้งาน Google Workspace หลักๆคือ จดชื่อโดเมน Domain ที่ต้องการใช้งานและ ลิสรายชื่ออีเมลที่ต้องการสร้างใช้งานไว้ จากนั้นติดต่อผู้ให้บริการ Google Partner และทำการเลือกซื้อระบบ Google Workspace Planที่ต้องการใช้งาน ตามจำนวนที่ต้องการใช้งาน โดยหากท่านยังไม่ได้จดโดเมนไว้จะสามารถติดต่อกับ ผู้ให้บริการ Google Partner เพื่อปรึกษารายละเอียดการใช้บริการและเริ่มใช้งาน Google Workspace ได้

เคล็ดลับการทำงานร่วมกันในทีม โดย Google Workspace

Google Workspace สามารถทำให้การทำงานร่วมกันมีประสิทธิภาพมากขึ้นได้ด้วยฟีเจอร์หลายอย่างที่ช่วยอำนวยความสะดวก เช่น การแสดงความคิดเห็นในเอกสาร การแก้ไขพร้อมกันในไฟล์เอกสารเดียวกันได้แบบเรียลไทม์ และการตั้งค่าเตือนความจำฝ่าย Google Calendar การจองหรือนัดการประชุมออนไลน์ผ่าน Google Meet พื้นที่เก็บข้อมูลแบบ Clound ผ่าน Google dirve เพื่อการจัดการงานและเวลาร่วมกันภายในองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ

ข้อมูลโดยสรุป

Google Workspace เป็นชุดเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสูงและเหมาะสำหรับการทำงานในยุคดิจิทัล โดยมีฟีเจอร์ที่ช่วยให้การทำงานร่วมกันสะดวกขึ้น การเริ่มต้นใช้งานนั้นง่ายดายเพียงเตรียมข้อมูลพื้นฐานและเลือกPlan ที่เหมาะสม หากท่านไม่ทราบว่ามี Plan ใดบ้างสามารถติดต่อ ผู้ให้บริการ Google Partner เพื่อสอบถามรายละเอียดและขอใบเสนอราคา

บทความที่เกี่ยวข้อง

บทความที่น่าสนใจ



ภาพประกอบหัวข้อGoogle Workspace สำหรับมือใหม่ (Google Workspace for beginners)

Google Workspace สำหรับมือใหม่

Google Workspace บริการที่รวมเครื่องมือสำหรับการทำงานออนไลน์จาก Google ซึ่งรวมฟีเจอร์ต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อการทำงานในชีวิตประจำวัน ทั้งEmail hosting การจัดเก็บไฟล์ ประชุมออนไลน์ และการทำงานร่วมในเอกสารเดียวกัน Google Workspace เป็น “ออฟฟิศออนไลน์” ที่ช่วยให้การทำงานราบรื่นยิ่งขึ้น โดยบทความนี้จะแนะนำข้อมูลเบื้องต้นของ Google Workspace สำหรับมือใหม่ รวมถึงวิธีการใช้งานฟีเจอร์หลัก ๆ

Google Workspace คืออะไร?

Google Workspace เป็นระบบและชุดโปรแกรมที่ออกแบบมาเพื่อสนับสนุนการทำงานร่วมกันในรูปแบบออนไลน์ ประกอบด้วยเครื่องมือต่าง ๆ ที่เราคุ้นเคยกัน เช่น Mail, Google Calendar, Google Drive, Google Docs, Google Sheets, Google Meet และ Google Chat โดย Google Workspace ออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานผ่านทุกอุปกรณ์เพื่อให้สามารถทำงานได้ทุกที่ทุกเวลา

ฟีเจอร์หลักที่ควรรู้ใน Google Workspace

  • Gmail: ระบบอีเมลที่มีฟังก์ชันที่ครบถ้วน และพื้นที่ที่สูงตอบโจทย์การเก็บข้อมูลบนคลาวน์ รองรับการใช้งานร่วมกับ Google Calendar และ Google Meet ทำให้สามารถนัดหมายหรือเชิญประชุมผ่านอีเมลได้อย่างสะดวก
  • Google Drive: พื้นที่จัดเก็บไฟล์ออนไลน์บนคลาวน์ที่รองรับการแชร์และการเข้าถึงไฟล์จากทุกที่หลายอุปกรณ์ ช่วยให้การจัดเก็บและการจัดการไฟล์ของทีมง่ายและปลอดภัย
  • Google Docs, Sheets และ Slides: เครื่องมือที่ใช้สร้างไฟล์เอกสาร สเปรดชีตตาราง และสไลด์พรีเซ็ตน์ที่สามารถทำงานร่วมกันได้แบบเรียลไทม์ ออกแบบมาเพื่อให้เหมาะกับการทำงานที่ต้องการร่วมกันออกความคิดเห็นหรือการแก้ไขงานร่วมกัน
  • Google Meet และ Google Chat: ระบบการประชุมออนไลน์ หรือ ช่องแชทการสื่อสารที่ช่วยให้การทำงานร่วมกันจากระยะไกลสะดวกขึ้น โดยรองรับการประชุมออนไลน์ที่มีผู้เข้าร่วมได้มาก

ประโยชน์ของการใช้ Google Workspace

Google Workspace ช่วยให้การทำงานร่วมกันเป็นทีมมีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการสร้างเอกสารที่ทุกคนในทีมสามารถเข้าถึงและแก้ไขได้พร้อมกัน การจัดการไฟล์อย่างเป็นระเบียบด้วย Google Drive หรือการสื่อสารผ่าน Google Meet และ Google Chat ซึ่งทั้งหมดถูกออกแบบมาเป็นอย่างดีเพื่อให้สามารถช่วยลดการใช้เครื่องมือหลายโปรแกรมและทำให้ทุกอย่างเป็นระบบในที่เดียว ประโยชน์ที่สำคัญคือการสามารถเข้าถึงและทำงานได้จากทุกที่ ทุกเวลา ตราบใดที่มีอินเทอร์เน็ต

ข้อมูลโดยสรุป

Google Workspace เป็นชุดโปรแกรมที่ออกแบบมาเพื่อสนับสนุนการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสารทางธุรกิจที่ได้รับความนิยมที่สุดอย่างอีเมล การจัดเก็บไฟล์Google Drive บนคลาวน์ หรือการประชุมออนไลน์Meeting เหมาะอย่างยิ่งสำหรับมือใหม่หรือองค์กรณ์ที่ต้องการให้การทำการออนไลน์เป็นระบบอย่างที่ต้องการ ระบบและเครื่องมือเหล่านี้ช่วยให้การทำงานราบรื่นขึ้นและมีความยืดหยุ่นในการเข้าถึงข้อมูลจากทุกที่

บทความที่เกี่ยวข้อง

บทความที่น่าสนใจ

ภาพประกอบหัวข้อการสร้างแบบสอบถามใน Google Forms (Creating a questionnaire in Google Forms)

การสร้างแบบสอบถามใน Google Forms

สามารถทำการสร้างแบบสอบถามใน Google Forms ได้ตามวิธีดังต่อไปนี้

ต้องลงชื่อเข้าใช้งาน Google ก่อน

ลงชื่อเข้าใช้งานด้วย Account Google เช่น gmail หรือ อีเมลบริษัทระบบ Google Workspace

ภาพประกอบบทความ “การสร้างแบบสอบถามใน Google Forms”

เข้าไปที่ไดรฟ์ (Drive)

ภาพประกอบบทความ “การสร้างแบบสอบถามใน Google Forms”

สร้าง Folder สำหรับเก็บแบบสอบถามที่กำลังจะสร้าง

ภาพประกอบบทความ “การสร้างแบบสอบถามใน Google Forms”

การสร้างแบบสอบถามใน Google Forms

เข้า Folder ที่สำหรับเก็บแบบสอบถาม

ภาพประกอบบทความ “การสร้างแบบสอบถามใน Google Forms”

กดที่ปุ่มใหม่ -> เลือก Google Forms -> แบบฟอร์มเปล่า

ภาพประกอบบทความ “การสร้างแบบสอบถามใน Google Forms”

ออกแบบ ใส่ข้อมูล และตั้งค่าแบบฟอร์มตามที่ต้องการได้เลย

ภาพประกอบบทความ “การสร้างแบบสอบถามใน Google Forms”

การส่ง หรือ แชร์แบบสอบถาม

หลังจากออกแบบเสร็จแล้ว กด “ส่ง” เพื่อแชร์ลิงค์แบบสอบถามได้เลย

ภาพประกอบบทความ “การสร้างแบบสอบถามใน Google Forms”
ภาพประกอบบทความ “การสร้างแบบสอบถามใน Google Forms”

ข้อมูลโดยสรุป

การสร้างแบบสอบถามใน Google Forms ต้องทำการลงชื่อเข้าใช้งานด้วย Account Google ก่อน เช่น gmail หรือ อีเมลบริษัทระบบ Google Workspace เสร็จแล้วทำตามขั้นตอนด้านบนได้เลย

บทความที่เกี่ยวข้อง

บทความที่น่าสนใจ

ภาพประกอบหัวข้อเลือกใช้งาน Google Workspace Plan ใดดี ? (Which Google Workspace Plan should I choose?)

เลือกใช้งาน Google Workspace Plan ใดดี ?

Google Workspace เป็นระบบอีเมลบริษัทที่ให้บริการโดย Google ซึ่ง Google Workspace มีให้บริการหลากหลาย Plan บทความนี้มาดูข้อแตกต่างของแต่ละ Plan กัน

Google Workspace มี Plan ใดบ้าง ?

Plan ของ Google Workspace ที่นิยมใช้งานกันในบริษัทมีดังนี้

Google Workspace Business Starter

Google Workspace Business Starter มีรายละเอียดดังนี้

  • พื้นที่ 30 GB / Account
  • สามารถเข้าประชุมได้พร้อมกัน 100 Account (Google Meet)
  • มีเครื่องมือสำหรับองค์กร เช่น Google DocGoogle SheetGoogle Slides
  • ราคา 2,650 บาท / Account / ปี

Google Workspace Business Standard

Google Workspace Business Standard มีรายละเอียดดังนี้

  • พื้นที่ 2 TB / Account
  • สามารถเข้าประชุมได้พร้อมกัน 150 Account (Google Meet)
  • มีเครื่องมือสำหรับองค์กร เช่น Google Doc, Google Sheet, Google Slides
  • สามารถเก็บไฟล์บันทึกการประชุมไว้ใน (Google Drive)
  • ราคา 5,600 บาท / Account / ปี

Google Workspace Business Plus

Google Workspace Business Plus มีรายละเอียดดังนี้

  • พื้นที่ 5 TB / Account
  • สามารถเข้าประชุมได้พร้อมกัน 500 Account (Google Meet)
  • มีเครื่องมือสำหรับองค์กร เช่น Google Doc, Google Sheet, Google Slides
  • สามารถเก็บไฟล์บันทึกการประชุมไว้ใน (Google Drive)
  • ห้องเก็บข้อมูลนิรภัย (Google Vault)
  • ราคา 9,500 บาท / Account / ปี

เลือกใช้งาน Plan ใดดี ?

การเลือกใช้งานควรเลือกใช้งาน Plan ที่ตอบโจทย์กับงบประมาณที่มี และความต้องการใช้งานมากที่สุด

หากต้องการ Google Workspace ราคาถูก สามารถทำอย่างไรบ้าง ?

สามารถใช้งาน Google Workspace ราคาถูกได้โดยการทำ Hybird Email โดยสามารถสอบถามกับทางเทคโนโลยีแลนด์ได้เลย

ข้อมูลโดยสรุป

Google Workspace เป็นระบบอีเมลบริษัทที่มีให้บริการหลากหลาย Plan ซึ่งการเลือกใช้งานควรเลือกใช้งาน Plan ที่ตอบโจทย์กับงบประมาณที่มี และความต้องการใช้งานมากที่สุด

บทความที่เกี่ยวข้อง

บทความที่น่าสนใจ

ภาพประกอบหัวข้อการดาวน์เกรด (Downgrade) ใน Google Workspace (Downgrade in Google Workspace)

การดาวน์เกรด (Downgrade) ใน Google Workspace

สำหรับบริษัทหรือองค์กรที่ใช้งาน Google Workspace หรือหลายท่านอาจคุ้นกับชื่อเดิม (G Suite) ชุดบริการบนคลาวด์ใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานร่วมกันขององค์กร ซึ่งประกอบด้วย Email, Google Drive, Google Meet, Google Docs, Google Sheets และ Google Slides เป็นต้น ซึ่งมีแผนบริการหลักๆอยู่ 4 ประเภทให้เลือกใช้งานตามความต้องการที่เหมาะสมกับบริษัทหรือองค์กรนั้นๆ คือ Business Starter, Business Standard, Business Plus หรือ Enterprise

ซึ่งบริษัทหรือองค์กรที่ใช้งานมาซักระยะ ในบางกรณีองค์กรอาจมีเหตุผลที่ต้องการ ดาวน์เกรด (Downgrade) แผนบริการอาจจะเพื่อลดต้นทุน หรือ เพื่อปรับให้ตรงกับการใช้งานจริง บทความนี้จะอธิบายถึงกระบวนการและข้อควรระวังเบื้องต้นเมื่อต้องการการดาวน์เกรด Google Workspace

สาเหตุของการดาวน์เกรด Google Workspace

  • แผนบริการที่ใช้งานอยู่เป็นแผนที่เกินกว่าความต้องการใช้งานของผู้ใช้งาน ทำให้ไม่จำเป็นต้องใช้ฟีเจอร์หรือพื้นที่เก็บข้อมูลที่มากเกินไป
  • ต้องการควบคุมงบประมาณต้องการลดต้นทุนในส่วนนี้ลงเพื่อให้ไม่สูญเสียค่าใช้จ่ายมากเกินความจำเป็น

เราจะดาวน์เกรด Google Workspace ได้เมื่อไหร่และอย่างไร ?

ในกรณี ดาวน์เกรด Google Workspace ที่เราจะพูดถึงกันในบนความนี้เป็นการดาวน์เกรด Google Workspace Google Workspace กับทางผู้ให้บริการ Google Workspace ที่เป็น Reseller กับทาง Google โดยตรงโดยหากท่านใช้งานกับทาง Reseller อยู่แล้วนั้นท่านสามารถแจ้งกับผู้ให้บริการที่ท่านใช้บริการอยู่โดยขอคำแนะนำจากผู้ให้บริการและแจ้งความต้องการที่ต้องการดาวน์เกรด เพื่อให้ผู้ให้บริการแนะนำแผนบริการขั้นที่รองลงมาจากที่ท่านใช้งานอยู่

ช่วงที่จะทำการดาวน์เกรด Google Workspace คือช่วงระหว่างการต่ออายุระบบซึ่งท่านต้องปรึกษาและเตรียมตัวทุกอย่างให้พร้อมก่อนที่จะถึงช่วงต่ออายุระบบเพื่อให้การดาวน์เกรด สำเร็จได้อย่างราบรื่นไม่ส่งผลต่อการใช้งาน

ข้อควรระวังหรือสิ่งที่ต้องกัดการเมื่อต้องการดาวน์เกรด Google Workspace

เมื่อเปลี่ยนแผนบริการลงมายังแผนบริการที่ต่ำกว่าแผนบริการเดิมที่ใช้งานย่อมมีผลกระทบเล็กน้อยที่ผู้ใช้งานต้องทราบร่วมกัน และปรับการใช้งานในบางอย่างเช่น

  • การลดพื้นที่เก็บข้อมูล แผนบริการที่ต่ำลงมาจะมีพื้นที่เก็บข้อมูลลดลงด้วย ดังนั้นควรตรวจสอบพื้นที่ที่ใช้อยู่ปัจจุบันเพื่อให้แน่ใจว่าไม่เกินแผนบริการที่จะเปลี่ยนไปใช้งานเพื่อป้องกันพื้นที่เต็มได้
  • การปรับลดโควต้าผู้ใช้งานให้ลดลงจากแผนบริการเดิมช่วงที่ดาวน์เกรด ต้องปรับโควต้าผู้ใช้งานในตรงตามจำนวนที่จะดาวน์เกรดเพื่อป้องกัยปัญหาที่จะเกิดขึ้นในช่วงดาวน์เกรด
  • ต้องศึกษาความแตกต่างของแผนบริการที่จะดาวน์เกรดไปใช้งานก่อน ว่ามีความแตกต่างอย่างไรกับ แผนบริการปัจจุบัน และจะต้องเสียฟังก์ชันการใช้งานส่วนใดไปบ้างเพื่อแจ้งกับผู้ใช้งานให้ทราบก่อนทำการดาวน์เกรด
  • หากทำการ ดาวน์เกรดไปใช้งานแผนบริการที่ตำกว่าแล้วจะไม่สามารถกลับมาใช้งานแผนบริการปัจจุบันได้อีกในรอบต่ออายุรอบปีนั้นๆ หรือในบางกรณีหากต้องการกลับมาใช้งานแผนบริการเดิมหรือสูงกว่าจะต้องชำระค่าบริการของแผนบริการใหม่เพิ่มเติม
  • การสูญเสียฟีเจอร์ขั้นสูงบางอย่างที่แผนบริการเดิมมี เช่น การบันทึกการประชุมใน Google Meet, ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัย และฟีเจอร์บางอย่างที่มีในเฉพาะแผนบริการนั้นๆจะไม่มีในแผนที่ต่ำกว่า

ข้อมูลโดยสรุป

การดาวน์เกรด Google Workspace เป็นวิธีที่องค์กรสามารถควบคุมงบประมาณและควบคุมการใช้งานได้อย่างเหมาะสมกับสถานการณ์ที่อาจเปลี่ยนไปในองค์กร ซึ่งสามารถทำได้แต่ควรมีการประเมินผลกระทบอย่างรอบคอบและแจ้งผู้ใช้งานภายในองค์กรให้ครบถ้วนเพื่อเตรียมการก่อนการเปลี่ยนแปลงและเพื่อให้แน่ใจว่าการทำงานขององค์กรจะไม่สะดุดหรือเกิดปัญหาจากการสูญเสียฟีเจอร์ที่สำคัญบางประการไป

บทความที่เกี่ยวข้อง

บทความที่น่าสนใจ

ภาพประกอบหัวข้อWhitelist/Blacklist Email ผู้ส่ง (Sender) Google Workspace (Whitelist/Blacklist Email Sender (Sender) Google Workspace)

Whitelist/Blacklist Email ผู้ส่ง (Sender) Google Workspace

ในระบบอีเมลของ Google Workspace การจัดการกับผู้ส่งอีเมลเป็นสิ่งสำคัญ โดยถึงระบบจะมีการกรอกอีเมลและป้องกันไว้อยู่แล้วแต่อาจมีอีเมลจากผู้ไม่หวังดีบางฉบับที่ยังส่งเข้ามาได้และอาจมีอีเมลจากผู้ติดต่อจริงบางฉบับที่ไม่สามารถส่งเข้ามาได้ การได้รับอีเมลขยะ (Spam) หรืออีเมลฟิชชิง (Phishing) สามารถก่อให้เกิดความไม่สะดวกและอาจทำให้เกิดความเสียหายทางธุรกิจได้ การจัดการ Whitelist และ Blacklist ผู้ส่งอีเมลเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันปัญหาเหล่านี้

  • Whitelist Sender ช่วยให้เรามั่นใจได้ว่าอีเมลจากผู้ส่งที่เชื่อถือได้จะไม่ถูกบล็อกหรือถูกส่งไปยังโฟลเดอร์สแปม / Junk
  • Blacklist Sender จะช่วยบล็อกอีเมลจากผู้ส่งที่ไม่พึงประสงค์ หรือผู้ที่มีประวัติการส่งอีเมลที่เป็นอันตราย

วิธีการ Whitelist ผู้ส่งใน Google Workspace

1.เข้าสู่ระบบ Google Admin Console ที่ admin.google.com

2.ไปที่ Apps > Google Workspace > Gmail > Spam, Phishing, and Malware

3.เลือก Blocked senders จากนั้นคลิก Configure

4. หัวข้อที่ 3.Options > Create or edit list

5. กด Add Address List

6.ตั้งชื่อ Address List > กด Add Adress และ เพิ่มรายชื่ออีเมลที่ต้องการ Whitelist จากนั้นกด Save

7.กลับมาที่หัวข้อ 3.Options > กด Use existing list > จากนั้นเลือก Address Listที่สร้างไว้

8. กด Save


วิธีการ Blacklist ผู้ส่งใน Google Workspace

1.สามารถทำตามขั้นตามการ Whitelist ได้เมื่อถึงขั้นตอนที่ 4 > เลือกหัวข้อที่ 1 > Create or edit list

2. กด Add Address List

3. ตั้งชื่อ Address List > กด Add Adress และ เพิ่มรายชื่ออีเมลที่ต้องการ Whitelist จากนั้นกด Save

4. กลับมาที่ 1. ป้อนคำอธิบายสั้นๆ > กด Use existing list > จากนั้นเลือก Address List ที่สร้างไว้ > กด Save


ข้อมูลโดยสรุป

การจัดการ Whitelist และ Blacklist ผู้ส่งอีเมลใน Google Workspace เป็นวิธีที่เพิ่มประสิทธิภาพในด้านความปลอดภัย และ ลดปริมาณอีเมลขยะในกล่องจดหมาย การ Whitelist ช่วยให้มั่นใจว่าอีเมลสำคัญจะถูกส่งถึงผู้รับ ขณะที่การ Blacklist ช่วยป้องกันอีเมลที่ไม่พึงประสงค์และอันตราย ทั้งสองวิธีมีข้อดีและข้อเสียที่ควรพิจารณา การจัดการที่เหมาะสมจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการสื่อสารผ่านอีเมลภายในองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ

บทความที่เกี่ยวข้อง

บทความที่น่าสนใจ