การเปลี่ยน Password (รหัสผ่าน) ใน Gmail/Workspace ช่วยให้ปลอดภัยและมีวิธีทำอย่างไร

การเปลี่ยน Password (รหัสผ่าน) บัญชี Gmail ของเราบ่อยๆช่วยให้บัญชีของเราปลอดภัยมากขึ้นเนื่องด้วยการเปลี่ยน Password บ่อยๆจะยากต่อการถูกมิจฉาชีพหรือบุคคลที่ไม่ประสงค์ดีเข้ามาโจรกรรมข้อมูลของเรา เพราะในบัญชี Gmail ของเรานั้นจะมีข้อมูลที่เป็นส่วนสำคัญทั้งในด้านของการติดต่อธุรกิจและการทำธุรกรรมต่างๆ โดยส่วนใหญ่การเปลี่ยน Password ควรทำทุกๆ 3-6 เดือน และ Password ที่ตั้งใหม่ ควรประกอบไปด้วย ตัวอักษรภาษาอังกฤษพิมพ์ใหญ่-พิมพ์เล็ก ตัวเลข และตัวอักขระพิเศษผสมกันเพื่อยากต่อการคาดเดา การเปลี่ยน Password Gmail นั้นสามารถทำได้ทั้งใน Smartphone และ Computer โดยมีขั้นตอนดังต่อไปนี้

ขั้นตอนการเปลี่ยน Password (รหัสผ่าน) ใน Gmail

1.เข้าสู่ระบบบัญชี Gmail  ของเรา แล้วเลือกที่ บัญชี Google

2.จากนั้นไปที่หัวข้อ ความปลอดภัย เลื่อนลงมาที่หัวข้อ การลงชื่อเข้าใช้ Google แล้วคลิกที่รหัสผ่าน

3.จากนั้นระบบจะให้เรายืนยันตัวตนโดยการใส่ รหัสผ่าน จากนั้นคลิก ถัดไป

4.ขั้นตอนนี้ให้กำหนดรหัสผ่านใหม่ที่เราต้องการใส่ลงไปให้ครบถ้วนทั้งสองช่อง โดยการตั้งรหัสผ่านใหม่ควรที่จะใช้ตัวอักษรภาษาอังกฤษตัวเล็ก-ตัวใหญ่ ตัวเลข และอักขระพิเศษผสมกันอย่างน้อย 8 ตัว เพื่อยากต่อการคาดเดา จากนั้นคลิกเปลี่ยนรหัสผ่าน เพียงเท่านี้ก็เป็นอันเสร็จสิ้น

บทความที่เกี่ยวข้อง

Meetใน Gmail บนมือถือตอนนี้กำลังเปิดตัวบน iOS

Google ให้บริการภาษาสเปนใน Docs และ Gmail แล้ว

สามารถปรับแต่งเค้าโครง gmail ได้แล้ว

Google เปิดใช้งาน Google Meet ใน Gmail บนมือถือ

แก้ไขกิจกรรมในปฏิทินโดยตรงจาก Gmail และ Docs

 

การตั้งค่า Gmail ให้ปลอดภัยตรวจสอบการเข้าระบบ 2 ชั้น

การตั้งค่า Gmail ให้ปลอดภัยโดยการตรวจสอบการเข้าสู่ระบบ 2 ชั้น คือ การเปิดระบบรักษาความปลอดภัยให้กับบัญชี Gmail ของเราโดยการเข้าสู่ระบบต้องยืนยันตัวตนแบบ 2 ชั้น เพราะในปัจจุบันการติดต่อธุรกิจ และการทำธุรกรรมต่างๆที่สำคัญล้วนแล้วแต่ต้องใช้บัญชี Gmail ในการดำเนินการ นอกจากการเปลี่ยน Password บ่อยๆ แล้ว การยืนยันตัวตนแบบ 2 ชั้น ก็ช่วยป้องกันการถูกมิจฉาชีพหรือ Hacker ที่ไม่หวังดีกับเราขโมยข้อมูลในส่วนนี้ไปได้เพราะถึงแม้ Hacker เหล่านี้จะได้ Password ของเราไปแต่เมื่อเปิดการยืนยันตัวตนแบบ 2 ชั้นไว้ Hacker ก็จะไม่สามารถเข้าสู่ระบบ Gmail ของเราได้

ขั้นตอนเปิดการยืนยันความปลอดภัย 2 ขั้นตอน Gmail ผ่าน Computer

1.เข้าไปที่หน้าเว็บไซต์ www.Google.com จากนั้นคลิกที่ Google Account ของเรา แล้วเลือก Manage your Google Account (จัดการบัญชี Google)

 

2.เมื่อเข้ามาแล้วให้เลือกที่ Personal info (ข้อมูลส่วนบุคคล) จากนั้นเลื่อนลงมาด้านล่างที่หัวข้อ Contact info (ข้อมูลติดต่อ) ให้ทำการใส่เบอร์โทรศัพท์ของเราให้เรียบร้อย

3.เลือกไปที่ Security (ความปลอดภัย) จากนั้นเลื่อนลงมาด้านล่างที่หัวข้อ Signing in to Google (การลงชื่อเข้าใช้ Google) จากนั้นเลือกที่ 2-Step Verification (การยืนยันแบบสองขั้นตอน) แล้วคลิกเข้าไป

4.เมื่อเข้าสู่หน้าการตั้งค่าให้คลิกไปที่ GET STARTED (เริ่มต้นใช้งาน)

5.เมื่อเข้าสู่หน้านี้ระบบจะให้ยืนยันตัวตนโดยการใส่ Password (รหัสผ่าน) อีกครั้ง เมื่อทำการใส่ Password เรียบร้อยแล้ว ให้คลิก Next (ถัดไป) ได้เลย

6.ในส่วนของหน้านี้ให้ทำการ Login Email ของเราไว้ในโทรศัพท์มือถือที่ต้องการใช้ในการยืนยันตัวตนและระบบจะแสดงว่าเราได้ Login Email ไว้ในโทรศัพท์มือถือรุ่นใด เมื่อเสร็จแล้วกด Continue (ดำเนินการต่อ)

7.ในส่วนของหน้านี้ระบบจะให้กรอกเบอร์โทรศัพท์ จากนั้นทำการเลือกว่าเราจะรับรหัสการยืนยันตัวตนด้วยวิธีใด ตัวเลือกแรก คือ Text message (ข้อความ) ตัวเลือกสอง คือ Phone call (การโทร) เมื่อเลือกแล้วคลิกที่ Send (ส่ง)

8.ในส่วนของหน้านี้ระบบจะส่งรหัสไปยังเบอร์โทรศัพท์ที่เราได้กรอกไว้ก่อนหน้านี้ ให้ทำการกรอกรหัสที่ได้รับให้เรียบร้อย แล้วคลิก Next (ถัดไป)

9.ในส่วนของหน้านี้ระบบจะถามว่าเราต้องการที่จะเปิดการยืนยันตัวตนแบบ 2 ขั้นตอนหรือไม่ ให้เราทำการคลิกที่ Turn on เพื่อเป็นการเปิด เท่านี้การเปิดระบบรักษาความปลอดภัยแบบ 2 ขั้นตอนก็เป็นอันเสร็จสิ้น

บทความที่เกี่ยวข้อง

ขยายขีด จำกัด ผู้รับมอบสิทธิ์ของ Gmail

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเพื่อนร่วมงานได้โดยตรงจาก Gmail

Add-ons ใน Gmail ด้วยฟังก์ชัน Compose-time

ตั้งสถานะไม่อยู่ที่ Chat ใน Gmail ได้แล้ว!

การทำงานแบบรวมใน Gmail. เพื่อประหยัดเวลาในการทำงาน

 

การสร้างลายเซ็น(Signature) Gmail ใน Google workspace

การสร้างลายเซ็นต์ (คำลงท้าย Email) คือ การสร้าง Signature เกี่ยวกับตัวเราหรือเกี่ยวกับธุรกิจของเรา เพื่อให้ผู้รับได้ทราบว่าเราคือใครและง่ายต่อการติดต่อกลับในครั้งถัดไป โดยการสร้างลายเซ็นต์สามารถใส่รายละเอียดได้ทั้ง ชื่อ นามสกุล เบอร์โทรศัพท์ หรือชื่อเว็บไซต์ของเรา หรือแม้กระทั่งคำลงท้ายที่ต้องพิมพ์บ่อยๆ เช่น ขอแสดงความนับถือ ขอบคุณครับ/ขอบคุณค่ะ ก็สามารถทำได้เช่นกัน

ลายเซ็นต์ใน Email ช่วยเราได้อย่างไร

ลายเซ็นต์หรือคำลงท้าย Email ช่วยให้ผู้รับ ทราบถึงว่าผู้ส่งมีตัวตนอยู่จริงและป้องกันการปลอมแปลง Email เพราะโดยทั่วไปการปลอมแปลง Email นั้นจะไม่สามารถปลอมลายเซ็นต์หรือคำลงท้าย Email ของบุคคลที่เป็นผู้ส่งได้ ทำให้ลายเซ็นต์หรือคำลงท้าย Email นั้นสำคัญเพราะเป็นการระบุข้อมูลส่วนตัว รวมถึงมีสัญลักษณ์เฉพาะองค์กร เช่น โลโก้บริษัท เป็นต้น

ขั้นตอนการสร้างลายเซ็นด้วย Gmail

1.เข้าสู่ระบบ Gmail จากนั้นคลิกที่รูปฟันเฟืองหรือ Settings เลือก See all Settings

2.ในแถบ General (ทั่วไป) ให้เลื่อนลงมาที่หัวข้อ Signature แล้วเลือก Create new

3.ตั้งชื่อลายเซ็น(คำลงท้าย Email) ที่เราต้องการ เสร็จแล้วคลิกที่ Create

4.จากนั้นกำหนดข้อความที่เราต้องการให้แสดงผล นอกจากนี้สามารถแทรกรูปภาพ ลิงก์ หรือแม้กระทั่งการกำหนดรูปแบบของข้อความ การเปลี่ยนสีของข้อความ การจัดตำแหน่งต่างๆ และปรับขนาดของตัวอักษรได้อีกด้วย

5.หลักจากกำหนดข้อความที่เป็นลายเซ็นต์ (คำลงท้าย Email) เรียบร้อยแล้วให้เลื่อนลงมาด้านล่าง ที่หัวข้อ Signature defaults (ค่าเริ่มต้นของลายเซ็นต์) ในช่องทั้งสองช่องด้านล่างให้เลือกเป็นชื่อลายเซ็นต์ (คำลงท้าย Email) ที่เราตั้งไว้ทั้งสองช่อง 

6.เมื่อทำทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้วให้เลื่อนลงมาด้านล่างสุดแล้วคลิก Save Changes (บันทึกการเปลี่ยนแปลง)

7.หลักจากบันทึกการเปลี่ยนแปลงแล้วเมื่อจะส่ง Email ใหม่ จะมีลายเซ็นต์ (คำลงท้าย Email) ขึ้นมาให้ทุกครั้ง

บทความที่เกี่ยวข้อง

เข้าร่วมการประชุมและการโทรด้วยเสียงจากการแชทแบบ 1:1 โดยใช้ Google Chat ใน Gmail บนมือถือ

การอัปเดตและการปรับปรุงภาพสำหรับช่อง To, Cc และ Bcc ใน Gmail

ทำการค้นหาอีเมลอย่างละเอียดด้วยตัวกรองแบบใหม่ใน Gmail บนเว็บ

บันทึกรูปภาพจากข้อความ Gmail ไปยัง Google Photos ด้วยปุ่ม “บันทึกในรูปภาพ”

ขณะนี้การส่งออก Gmail ในห้องนิรภัยมีไฟล์ข้อมูล CSV metadata