ฟังก์ชันการใช้งาน Google Workspace สำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่และแบบออฟไลน์

Google ได้มีการสนับสนุนให้กับลูกค้าที่ใช้แอพ Google สำหรับ Android  ios  และ Apple มีการสนับสนุน ดังต่อไปนี้

  1. Google ไดรฟ์ เอกสาร ชีต และ สไลด์
  2. Gmail
  3. google ปฏิทิน
  4. แอป Google Admin ( แอปคอนโซลผู้ดูแลระบบ บนอุปกรณ์เคลื่อนที่ )
  5. Chrome

Google จะตรวจสอบปัญหาของอุปกรณ์เคลื่อนที่ จัดลำดับความสำคัญ และทำการแก้ไข โดยทั่วไปแล้วแอปดังกล่าว จะได้รับการอัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุด โดยอัตโนมัติ  แอปต่างๆ ของ Google อาจมีการใช้งานและมีฟีเจอร์ที่แตกต่างออกไป จากรุ่นที่ใช้บนเดสก์ท็อปตามลักษณะของการทำงานในของแต่ละอุปกรณ์ที่ใช้

ฟีเจอร์การใช้งานแบบออฟไลน์ของ Google Workspace

Google จะตรวจสอบปํญหาของแอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ ที่ได้รับการรายงาน แล้วจัดลำดับความสำคัญ และทำการแก้ไข

เอกสารคู่มือของฟีเจอร์ที่ใช้ตรวจสอบระบบ และข้อกำหนดของเบราว์เซอร์

  1. Gmail ออฟไลน์สำหรับ Chrome
  2. ปฏิทินออฟไลน์สำหรับ Chrome
  3. ไดรฟ์ออฟไลน์สำหรับ Chrome
  4. ไดรฟ์

 

TECHNOLOGY LAND CO., LTD.

ตัวแทน Google Workspace อย่างเป็นทางการ เทคโนโลยีแลนด์

วิธีการเพิ่มช่วยเตือนในปฏิทิน Google(Google Workspace)ใน Android

การเพิ่มการช่วยเตือนใน Google ปฏิทิน

คุณสามารถเพิ่มการช่วยเตือนในวันที่มีนัดหรือ มีกิจกรรมต่างๆที่ต้องไปทำ Google ปฏิทิน จะทำการแจ้งเตือนในวัน เวลา ที่เราได้ทำการบันทึกไว้

การแจ้งเตือนมีสถานะเป็นส่วนตัวและไม่สามารถแชร์กับคนอื่นได้

การสร้างการเตือนความจำ ของ Android

1.เปิดแอป Google ปฏิทิน ปฏิทิน

2.แตะที่มุมขวาล่าง รูป + > การเเจ้งเตือน

3.เพิ่มเรื่องการช่วยเตือน เสร็จแล้ว แตะ เสร็จสิ้น

4.เลือกวันที่ เวลา และความถี่ในการเตือน

5.เสร็จแล้ว แตะบันทึก ที่ด้านบนขวามือ

เพียงเท่านี้ก็เสร็จสิ้นการช่วยเตือนใน Google ปฏิทิน

 

TECHNOLOGY LAND CO., LTD.

ตัวแทน Google Workspace อย่างเป็นทางการ เทคโนโลยีแลนด์

การสร้าง Google Workspace form ในมือถือ

วิธีการสร้าง google form ในมือถือ มีวิธีดังนี้

1.คลิกที่ ไปที่ Google ฟอร์ม

 

2.ใส่ User Password เสร็จแล้ว คลิก ถัดไป

3.จะเจอหน้าที่เป็นฟอร์ม

 

 

  1. ตั้งชื่อฟอร์ม
  2. ตั้งชื่อหัวข้อฟอร์ม
  3. ใส่คำอธิบายฟอร์ม

4.ใส่คำถาม ที่ต้องการถาม

 

5.เลือกตัวเลือกรูปแบบของคำถาม

 

 

 

 

 

เพียงเท่านี้ก็สามารถสร้างฟอร์มในมือถือเองได้

 

TECHNOLOGY LAND CO., LTD.

ตัวแทน Google Workspace อย่างเป็นทางการ เทคโนโลยีแลนด์

วิธีการสร้างเว็บไซต์ โดยใช้ Google (Google Workspace) Sites

ก่อนเริ่มวิธีการสร้างเว็บไซต์ โดยใช้ Google Sites เรามาทำความรู้จักกับเจ้า Google sites ก่อนว่าคืออะไร 

เจ้า Google Sites คือ โปรเเกรมของ Google ที่ให้บริการเราสร้างเว็บไซต์ได้ฟรีๆ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย โดยมีฟังก์ชันมากมาย ให้เราเลือกใช้

ทำให้ผู้ใช้งาน มีความสะดวกสบาย ในการใช้งาน อย่างมาก เเถมยัง มีพื้นที่จัดเก็บข้อมูลได้โดยไม่จำกัดอีกด้วย

ส่วนวิธีการสร้างเว็บไซต์มีดังนี้

ขั้นตอนเเรก ให้เราทำการสมัครสมาชิกบัญชี Google โดยสามารถกดได้ที่นี้ https://accounts.google.com

เมื่อเราสมัครสมาชิก เเละ ล็อคอินเรียบร้อยเเล้ว

1.ให้เรากดคลิกที่ไอคอนรูป+ ข้างล่างขวามือ

 

ส่วนที่1 หัวเว็บจะมีลักษณะดังนี้

  1. ชื่อไฟล์
  2. ชื่อเว็บไซต์
  3. ชื่อของหน้า
  4. เปลี่ยนรูปภาพ หรือ ปรับขนาดของหัวเรื่อง

ต่อมาให้เราทำการเลือกธีม หรือ รูปแบบเว็บได้โดย

1.กดคลิกที่ Theme ทางขวามือบน ดังนี้

ให้เราทำการเลือกรูปเเบบตามที่เราต้องการ

เเล้ว ให้เลือก

1.Design

2. รูปเเบบข้อความ หรือ เนื้อหา

จากนั้นให้ใส่ รูปภาพ หรือ ข้อความที่ต้องการ ก็จะได้ดังภาพนี้

ส่วนที่2 คือ เครื่องมือต่างๆ เราสามารถเลือกใช้เพื่อจัดเเต่งเว็บไซต์ของเราได้ตามต้องการ

เมื่อเราจัดเเต่งเว็บไซต์ของเราตามต้องการเเล้ว เราสามารถกด เเสดงตัวอย่าง (Preview) ได้ดังนี้

หลังจากคลิกเเล้ว จะเป็นหน้าเเสดงตัวอย่าง ยังสามารถเลือกดู ตัวอย่างในรูปเเบบของหน้าจอ มือถือ โน๊ตบุ๊ค หรือ คอมพิวเตอร์ได้

เมื่อเสร็จสิ้นตามที่ต้องการเเล้วจากนั้นกด เเผยเเพร่ (Publish) จะมีหน้าต่างขึ้นมาให้เราใส่รายละเอียดต่างๆ ดังนี้

  1. กดไอคอนPublishขวามือบน
  2. ใส่lINK ของเว็บไซต์
  3. กดปุ่มPublish เพื่อเผยเเพร่

เป็นอันเสร็จสิ้นวิธีการสร้างเว็บไซต์ โดยใช้ Google Sites

 

TECHNOLOGY LAND CO., LTD.

Technology Land ผู้จัดจำหน่าย Google Workspace อย่างเป็นทางการ

ข้อมูล Google from จะเก็บไว้ที่ไหน

รู้หรือไม่ เเบบ form ที่เราสร้างจาก Google Form เก็บข้อมูล from เราไว้ที่ไหน

google form จะเก็บข้อมูลเเบบฟอร์ม เราไว้ที่ Google dive โดยเราสามารถสร้าง โฟลเดอร์ใหม่ หรือ เเก้ไข,ลบ ได้ ดังนี้

วิธีดูที่จัดเก็บข้อมูลของ google form

เมื่อเราต้องการดูว่าข้อมูลของเรา ที่สร้าง Form ไว้ จะเก็บไว้อยู่ที่ไหน มีวิธีดังนี้

  1. คลิกที่ไอคอน
  2. คลิกที่ ไดรฟ์

นี้คือ หน้าที่แสดง โฟลเดอร์ ข้อมูลฟอร์มของเรา

เมื่อคลิกขวาที่ ไดรฟ์ของฉัน จะมีฟังก์ชันให้เลือกว่าเราต้องการ สร้าง หรือ อัปโหลดก็ได้ตามที่เราต้องการ

 

เรายังสามารถ ดูเเบบฟอร์ม หรือเเก้ไขชื่อ ลบฟอร์ม ของเราได้ หรือใช้งานฟังก์ชันต่างๆ ได้ดังนี้

ให้คลิกขวา ไฟล์ที่ต้องการ

จบขั้นตอนการดู ฟอร์ม ข้อมูลของเราว่าเก็บไว้ที่ไหน

 

 

 

TECHNOLOGY LAND CO., LTD.

Technology Land ผู้จัดจำหน่าย Google Workspace อย่างเป็นทางการ

 

 

วิธีการใช้งาน Google Form

Google Form คือ การสร้างเเบบสอบถามออนไลน์ หรือใช้รวบรวมข้อมูลต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย

ขั้นตอนการใช้งาน Google Form ดังต่อไปนี้

ขั้นตอนเเรก ให้เราทำการสมัครสมาชิกบัญชี Google โดยสามารถกดได้ที่นี้ https://accounts.google.com

เมื่อสมัครสมาชิกบัญชี Google เรียบร้อยเเล้ว ให้ลงชื่อเข้าใช้งาน ให้คลิกไอคอนขวามือ เเล้วเลือกที่ ฟอร์ม

จากนั้นจะเจอหน้าสร้างเเบบฟอร์ม จะมีเเบบฟอร์มสำเร็จรูปต่างๆ ให้เราเลือกใช้งานมากมาย หรือเราสามารถสร้างเเบบฟอร์มเองได้โดยคลิกที่ ดังรูปต่อไปนี้

ต่อมาจะเป็นขั้นตอนการเเนะนำ เเละ เครื่องมือต่างๆ

  1. ตั้งชื่อ Form
  2. ตั้งชื่อรองของ Form
  3. อธิบายแบบ Form

เลือกประเภทคำตอบ ตามที่ต้องการ

  1. ชื่อ – นามสกุล
  2. คำถามปลายเปิด
  3. เลือกตอบได้เพียง 1 คำตอบ
  4. เลือกตอบได้มากกว่า 1 คำตอบ
  5. Drop down list เลือกได้ 1 คำตอบ
  6. อัพโหลดไฟล์
  7. แบบให้คะแนน
  8. แบบเลือก วัน/เวลา – วันที่/เวลา

เเล้วเรายังสามารถ ใช้เครื่องมือต่างๆ หรือ เลือกธีม เปลี่ยนสี ได้ดังนี้

  1. เลือก Theme รูปแบบที่ต้องการ
  2. เพิ่มคำถาม
  3. เพิ่มชื่อ หรือ เพิ่มหัวข้อ
  4. เพิ่มรูปภาพ
  5. เพิ่มวิดีโอ
  6. เพิ่มส่วน / แบ่งหน้า

เมื่อได้ ธีม หรือ ข้อมูลเเบบฟอร์มที่เราต้องการเเล้ว เราสามารถกด Preview โดยคลิกที่ ไอคอนรูปตา เพื่อดูหน้าเเบบฟอร์มของผู้ทำเเบบทดสอบได้ ดังรูปนี้

เมื่อคลิกที่ รูปตา แล้ว จะแสดงหน้า ที่เป็นผู้ทำแบบสอบถามทำ ดังรูปนี้

เป็นอันเสร็จสิ้น ขั้นตอน การใช้งานสร้าง Google Form ทุกๆคน สามารถนำไปใช้งานได้ ในทุกๆเเบบฟอร์มตามที่เราต้องการได้อย่างง่ายดาย ไม่ต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่าย อีกด้วย

 

TECHNOLOGY LAND CO., LTD.

ตัวแทน Google Workspace อย่างเป็นทางการ เทคโนโลยีแลนด์

Google plus สำหรับ Google Workspace คืออะไร

Google plus คืออะไร

ก่อนที่เราจะไปรู้จักกับ Google plus เราต้องมาทำรู้จักก่อนว่า ทุกคน รู้จักคำว่า Social (โซเชียล) หรือไม่ เช่น Facebook (เฟซบุ๊ก), IG (Instagram), Twitter     (ทวิตเตอร์) เป็นต้น ทุกคนก็อาจจะพอรู้จักกันใช่ไหมละครับ แต่เรื่องที่เราจะพูกถึงก็คือ google plus ผมเชื่อหลายคนอาจจะยังไม่รู้จัก เพราะฉะนั้นเราไปทำความรู้จักกันเลยครับ

Google+ (Google Plus) คือโครงการของ Google (กูเกิล) ที่มีความพยายามมานานหลังจากมีการออกมายอมรับก่อนหน้านั้นว่า Google ขยับตัวช้าไปในเรื่องนี้ แถมยังมีข้อเสนอพิเศษให้กับพนักงานที่สามารถคิดโครงการ Social Networks (โซเชียลเน็ตเวิร์ค) ให้ออกมาประสบความสำเร็จอีกด้วย  พอเข้าใจแล้วละสิครับ ว่า Google  เค้าก็มี Social Network  ด้วย

Google plus ดียังไง

1) Google+ สามารถเชื่อมโยงกับบริการอื่นๆ จาก Google ได้

2) Google+ บริหารจัดการกลุ่มเพื่อนได้ดีกว่า

3) Google+ มี Mobile App (โมบาย แอพพลิเคชั่น) ดีกว่า

4) Google+ หาบทความ/สิ่งที่น่าสนใจ มาแชร์ได้ง่ายกว่า

5) Google+ สามารถดึงข้อมูลกลับมาได้

6) Google+ มีระบบการ Tag (แท็ก) รูปดีกว่า

7) Google+ มีระบบ Chat (แชท) ที่เยี่ยมกว่า

8) Google+ มีระบบการแชร์ที่ปลอดภัยกว่า

9) Google ดูแลข้อมูลส่วนตัวได้ดีกว่า

ส่วนประกอบต่างๆ บน Google plus

สำหรับผู้ใช้งาน Google plus มือใหม่ ต้องมาทำความรู้จักหน้าแรก ส่วนต่างๆของ Google plus ว่าแต่ละส่วนมีหน้าที่ ทำอะไรบ้าง

 

ส่วนที่ 1      สตรีม (Stream) เป็นส่วนที่ใช้ติดตามข้อมูลที่ถูกโพสต์จากบุคคลที่ผู้ใช้งานได้เพิ่มไว้ในแวดวง (Circles) เป็นการดูข้อความทั้งหมดในส่วนของสตรีม หากผู้ใช้งานต้อง              การดู  เฉพาะข้อความที่อยู่ในแวดวง ก็สามารถคลิกเลือกชื่อแวดวง รวมไปถึงยังสามารถดูการแจ้งเตือนต่างๆ และติดตามโพสต์ของผู้ใช้งานคนอื่นๆ ที่ไม่ได้อยู่ในแวดวง

ส่วนที่ 2     Sparks ส่วนที่ให้ค้นหาและติดตามสิ่งที่ผู้ใช้งานสนใจ โดยแสดงข้อมูลจากผู้ใช้งานคนอื่นๆ ที่ไม่ได้อยู่ในแวดวง ค้นหาเรื่องที่น่าสนใจ เช่น  แฟชั่น, ภาพยนต์, ตำรับอาหาร,                ฟุตบอล เป็นต้น ข้อมูลที่ได้ล้วนถูกพูดถึงอยู่ในกูเกิลพลัสทั้งหมด

ส่วนที่ 3     แชท (Chat) ส่วนที่ให้ติดต่อ สนทนากับผู้ใช้งานคนอื่นๆ ในส่วนนี้ทำหน้าที่เหมือนกับ Google Talk

ส่วนที่ 4     แท็บ (Tabs to Switch) แท็บเมนูด่วน ประกอบด้วย หน้าแรก, รูปภาพ, โปรไฟล์และแวดวง

ส่วนที่ 5     ค้นหาผู้คน (Find People) ใช้สำหรับค้นหาผู้ใช้งานกูเกิลพลัสคนอื่นๆ ค้นหาเพื่อน บุคคลที่น่าสนใจและอยากติดตาม

ส่วนที่ 6     ตั้งค่า (Google+ User Settings) ใช้สำหรับตั้งค่าต่างๆ แสดงการแจ้งเตือน การแบ่งปันข้อมูล

ส่วนที่ 7      แนะนำเพื่อน (Suggestions) แนะนำผู้ใช้งานคนอื่นๆ ที่เล่นกูเกิลพลัส ผู้ใช้งานสามารถเลือกติดตามได้จากในส่วนนี้

ส่วนที่ 8     ส่งข้อความเชิญ (Send invitations)  ใช้สำหรับส่งคำเชิญชวนให้เพื่อนของผู้ใช้งานเข้ามาเล่นกูเกิลพลัส โดยผู้ใช้งานหนึ่งคน สามารถเชิญได้ 150 คน

ส่วนที่ 9      แฮงค์เอาท์ (Hangouts)  ใช้สำหรับพูดคุยกับผู้ใช้งานที่อยู่ในแวดวงของคุณสนทนาทั้งภาพและเสียงในแบบเห็นหน้าเห็นตากัน

ส่วนที่ 10    ใช้สำหรับมือถือ (Go Mobile) เชื่อมโยงไปยังการใช้งานกูเกิลพลัสบนโทรศัพท์มือถือ

ส่วนที่ 11     ฟีดหรือทามไลน์ ติดตามเนื้อหา ความเคลื่อนไหวต่างๆ ที่เกิดขึ้นบนกูเกิลพลัส จากผู้ใช้งานที่อยู่ในแวดวง

 

อ้างอิงข้อมูลจาก : https://mindphp.com

 

TECHNOLOGY LAND CO., LTD.

ตัวแทน Google Workspace อย่างเป็นทางการ เทคโนโลยีแลนด์

Google Form สำหรับ Google Workspace คืออะไร

Google Form คืออะไร

Google Form เป็นส่วนหนึ่งในบริการของกลุ่ม Google Docs ที่ช่วยให้เราสร้างแบบสอบถามออนไลน์ หรือใช้สำหรับรวบรวมข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว โดยที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ในการใช้งาน Google Form ผู้ใช้สามารถนำไปปรับประยุกต์ใช้งานได้หลายรูปแบบอาทิ เช่น การทำแบบฟอร์มสำรวจความคิดเห็น การทำแบบฟอร์มสำรวจความพึงพอใจ การทำแบบฟอร์มลงทะเบียน และการลงคะแนนเสียง เป็นต้น

การใช้งานกูเกิ้ลฟอร์มนั้น ผู้ใช้งานหรือผู้ที่จะสร้างแบบฟอร์มจะต้องมีบัญชีของ Gmail หรือ Account ของ Google เสียก่อน ผู้ใช้งานสามารถเข้าใช้งานสร้างแบบฟอร์มผ่าน Web Browser ได้เลยโดยที่ไม่ต้องติดตั้งโปรแกรมใดๆ ทั้งสิ้น

 

ข้อดีของการทำแบบสอบถามออนไลน์

  • กระจายข้อมูลได้ทั่วถึง และสามารถเข้าถึงได้เร็วกว่า: การที่เราทำแบบสอบถามออนไลน์จะช่วยให้มีโอกาสได้ผู้เข้าร่วมแบบสอบถามที่ทั่วถึงกว่า ไม่ใช่แค่เพียงในพื้นที่ที่เราสามารถเดินแจกแบบสอบถามเท่านั้น อีกทั้งเรายังส่งแบบสอบถามให้ผู้ที่อยู่ภูมิภาคอื่นไปจนถึงผู้ที่อาศัยอยู่ต่างประเทศสามารถทำแบบสอบถามให้เราได้ในเวลาอันรวดเร็วอีกด้วย
  • ประหยัดงบประมาณ: การพิมพ์แบบสอบถามในรูปแบบกระดาษย่อมมีค่าใช้จ่าย และแน่นอนว่า…ยิ่งเยอะยิ่งเห็นความแตกต่าง เพราะฉนั้นการทำแบบสอบถามในรูปแบบออนไลน์จะประหยัดงบประมาณได้เป็นจำนวนมาก
  • สามารถยกตัวอย่างให้เห็นรูปธรรมมากขึ้น: หากเราต้องการให้ผู้ตอบแบบสอบถามได้เห็นสิ่งที่เราต้องการจะสื่อมากขึ้น เช่น หากทำแบบประเมิณผลงานบางอย่างที่เป็นสิ่งของ ก็สามารถใส่ภาพหรือวิดีโอของสิ่งของนั้นๆ ลงไปในแบบสอบถามออนไลน์ได้เลย
  • ข้อมูลถูกจัดเก็บอย่างเป็นระเบียบ: หากข้อมูลมีความสำคัญ การจัดเก็บเอกสารก็ยิ่งมีสำคัญตามไปด้วย การที่เอกสารข้อมูลถูกจัดอย่างเป็นระเบียบในบัญชี Google จะยิ่งง่ายต่อการค้นหา
  • สามารถนำข้อมูลไปใช้ต่อได้สะดวก: เราสามารถนำผลลัพธ์จากการทำแบบสอบถามออนไลน์ไปใช้ต่อได้อย่างสะดวก รวดเร็ว เพราะเราสามารถ Export ข้อมูลผลลัพธ์ออกมาเป็นไฟล์เพื่อนำไปใช้ต่อได้เลย
  • นอกจากเป็นแบบสอบถามยังใช้ทำการสอบย่อยแบบออนไลน์ได้อีกด้วย: เราสามารถใช้ Google Form เพื่อสร้างข้อสอบสำหรับการสอบย่อยได้ โดยที่ผู้ทำข้อสอบสามารถตรวจคำตอบได้ทันทีอีกด้วย

ข้อควรระวังในการใช้งาน

  • ระวังการลืมลงชื่อออก(Log-out) เมื่อทำการลงชื่อเข้าใช้(Log-in) ในคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์สาธารณะ: เนื่องจาก Google Form ค่อนข้างสะดวกในการเช็คข้อมูล ซึ่งอาจทำให้บางครั้งเราต้องการเข้าไปดูความคืบหน้าว่าแบบสอบถามของเรามีคนตอบมากน้อยแค่ไหน ซึ่งเราอาจจะใช้งานผ่านคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์สาธารณะแล้วอาจลืมลงชื่อออก(Log-out)ได้ แล้วถ้าหากท่านใดที่ใช้อีเมลหลักเป็นบัญชีเดียวกันแล้วด้วยนั้น ให้พึงระวังไว้เสมอว่าบัญชีที่ใช้ควรเก็บรักษาให้ดี เพราะหากมีใครเข้าถึงบัญชีจากการที่เราเปิดดูฟอร์มทิ้งไว้ก็เท่ากับเค้าสามารถเข้าถึงข้อมูลอีเมลของเราได้เช่นกัน

สร้างฟอร์มเก็บข้อมูล

ขั้นตอนที่ 1

  • เข้าไปที่เว็บไซต์ https://goo.gl/hTn9FK (หรือพิมพ์ค้นหาใน Google ว่า “Google Form“)
  • คลิกที่  Google ฟอร์ม

  • จากนั้นคลิกที่ปุ่มวงกลมสีแดง เพื่อเริ่มสร้างฟอร์มใหม่

  • หลังจากเข้าสู่หน้าต่างแก้ไขฟอร์ม ให้ตั้งชื่อฟอร์มพร้อมคำอธิบาย เช่น
    • ลงทะเบียนเข้าร่วมงานสัมนาวิชาการ ครั้งที่ 1 (ชื่อฟอร์ม)
    • วันที่ 24 ตุลาคม 2559 เวลา 8.30 – 16.30 ณ อาคารเฉลิมพระเกียรติ  มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา จังหวัดเชียงใหม่ (คำอธิบาย)

หลังจากพิมพ์ชื่อฟอร์มและคำอธิบายฟอร์มเรียบร้อยแล้ว ต่อไปเป็นการสร้างรายการสำหรับเก็บข้อมูลผู้ลงทะเบียน ในตัวอย่างที่ผมได้สร้างไว้จะใช้รายการสำหรับเก็บข้อมูลที่แตกต่างกันออกไปไป เช่น

  • คำนำหน้านาม (รายการแบบ : เลื่อนลง)
  • ชื่อ (รายการแบบ : คำตอบสั้นๆ)
  • นามสกุล (รายการแบบ : คำตอบสั้นๆ)
  • เพศ (รายการแบบ : ตัวเลือก)
  • อีเมล์ (รายการแบบ : คำตอบสั้นๆ)
  • เบอร์โทรศัพท์ (รายการแบบ : คำตอบสั้นๆ)
  • ในตัวอย่างรูปภาพด้านล่าง เป็นการเก็บข้อมูล “คำนำหน้านาม
    1. ใช้รายการที่มีชื่อว่า “เลื่อนลง” เป็นเครื่องมือในเก็บข้อมูลคำนำหน้านาม โดยจะเป็นในลักษณะของ Dropdown list เลื่อนลงมาให้เลือก
    2. กรอกหัวข้อคำถามเพื่อให้ผู้กรอกทราบ เช่น “คำนำหน้านาม
    3. สร้างตัวเลือกคำถาม เช่น นาย, นางสาว, นาง
    4. เป็นการกำหนดหัวข้อคำถาม คำถามนั้นๆ จำเป็นต้องตอบหรือไม่

  • หลังจากสร้างรายการสำหรับเก็บข้อมูล “คำนำหน้านาม” รายการแรกเสร็จแล้ว เราลองมาดูตัวอย่างหน้าตาฟอร์มของเรากันก่อนดีกว่า โดยคลิกที่รูป “ดวงตา” มุมขวาบน เพื่อดูตัวอย่างหน้าฟอร์ม

  • ในตัวอย่างของฟอร์ม เราจะสังเกตุเห็น
    1. ข้อความที่ปรากฏจากชื่อฟอร์มและคำอธิบายฟอร์ม แสดงอยู่ด้านบนสุดของฟอร์ม
    2. รายการที่สำหรับเก็บข้อมูล “คำนำหน้านาม” ที่ได้สร้างขึ้นจากขั้นตอนก่อนหน้านี้

  • จากนั้นให้ย้อนกลับไปยังหน้าแก้ไขฟอร์ม สร้างรายการสำหรับเก็บข้อมูลต่างๆ ที่ยังไม่ได้สร้างขึ้น เช่น ชื่อ, นามสกุล, เพศ, อีเมล์, เบอร์โทรศัพท์ เป็นต้น
  • โดยการสร้างรายการใหม่ ให้คลิกที่รูปเครื่องหมายบวกด้านขวามือ

เมื่อได้รายการใหม่ขึ้นมาแล้ว ให้พิมพ์หัวข้อคำถามถัดไปได้เลย เช่น ชื่อ

  • โดยเลือกรายการเป็นแบบ  คำตอบสั้นๆ
  • หากต้องการตั้งค่าเพิ่มเติม เช่น ใส่คำอธิบายหัวข้อคำถาม ให้คลิกที่รูป “ตั้งค่า” มุมขวาด้านล่าง และเลือกที่  คำอธิบาย

  • จะมีช่องคำอธิบายปรากฏขึ้นมา จากนั้นกรอกคำอธิบายคำถามลงไป เช่น กรุณากรอกชื่อเป็นภาษาไทย

  • ต่อไปเป็นการสร้างรายการที่เหลือ เช่น
    • นามสกุล (เลือกรายการแบบ : คำตอบสั้นๆ)
    • เพศ (เลือกรายการแบบ : ตัวเลือก)
    • อีเมล์ (เลือกรายการแบบ : คำตอบสั้นๆ)
    • เบอร์โทรศัพท์ (เลือกรายการแบบ : คำตอบสั้นๆ)

หลังจากเพิ่มรายการสำหรับเก็บข้อมูลเรียบร้อยแล้ว เราสามารถคลิกดูตัวอย่างฟอร์มได้เลย โดยคลิกที่รูป”ดวงตา” หากใครต้องการปรับแต่งฟอร์มเช่นการเปลี่ยนสี การใส่รูปภาพไว้ด้านบนฟอร์ม สามารถคลิกที่รูป “จานสี” ได้เลยคับ

ติดตั้งส่วนเสริม “formLimiter”

หลังจากที่เราได้สร้างรายการจัดเก็บข้อมูลรูปแบบต่างๆ ของผู้ลงทะเบียนเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว ในขั้นตอนนี้จะเป็นการติดตั้งส่วนเสริม สำหรับกำหนดจำนวนผู้ลงทะเบียน หรือผู้ที่เข้ามาตอบแบบฟอร์ม โดยใช้ส่วนเสริมที่มีชื่อว่า “formLimiter

ขั้นตอนที่ 2

  • ส่วนการติดตั้งส่วนเสริมนั้น ให้คลิกที่รูป “จิ๊กซอว์” -> formLimiter

  • คลิกที่  Set limit  เพื่อตั้งค่า

  • การตั้งสามารถตั้งค่าได้ 2 แบบ
    • date and time = กำหนดวันที่ปิดฟอร์ม
    • max number of form responses = กำหนดจำนวนผู้ตอบกลับ

  • ในตัวอย่างรูปภาพด้านล่างเป็นการเลือกแบบ “max number of form responses
    • ในช่องของ when number of responses…  กรอกตัวเลขจำนวนผู้ตอบกลับ เช่น 30 คน หากเมื่อครบ 30 คนแล้ว แบบฟอร์มจะปิดรับข้อมูลทันที
    • ในช่องของ Message where submissions… กรอกข้อความที่จะปรากฏหลังจากฟอร์มปิดรับข้อมูล เพื่อแจ้งให้กับผู้ลงทะเบียนได้ทราบ
  • หลังจากตั้งค่าเสร็จสิ้น คลิกที่ “Save and enable” เพื่อบันทึกการตั้งค่าและเปิดใช้งาน formLimiter

เผยแพร่ฟอร์มลงทะเบียนออนไลน์

หลังจากตั้งค่า formLimiter ในการกำหนดจำนวนผู้ลงทะเบียนเรียบร้อยแล้ว ในขั้นตอนนี้จะเป็นการเผยแพร่ฟอร์มออนไลน์ไปยังผู้ที่ต้องการลงทะเบียน ผ่าน URL หรือ ลิงค์

ขั้นตอนที่ 3

  • คลิกที่ “ส่ง” เพื่อเริ่มส่งฟอร์มเผยแพร่ให้กับผู้ที่ต้องการลงทะเบียน

  • การส่งฟอร์มสามารถส่งได้ 3 รูปแบบ 1.ส่งผ่านอีเมล์ 2.ส่งลิงค์ 3.ฝังหน้าเว็บ
    1. ในตัวอย่างรูปภาพด้านล่าง เลือกรูปแบบในการส่งคือ “ส่งลิงค์” โดยคลิกที่รูปโซ่
    2. ย่อ URL ให้สั้นลงโดยคลิกที่ “ตัด URL ให้สั้นลง
    3. คัดลอก(CopyURL ที่ได้มา จากนั้นเผยแพร่ส่งลิงค์ ให้กับผู้ที่ต้องการลงทะเบียนได้เลย โดยผ่านทาง WebsiteFacebook, Line, E-mail เป็นต้น

  • หลังจากผู้ที่ต้องการลงทะเบียน ได้รับลิงค์ที่เราส่งไปให้แล้ว ก็จะปรากฏหน้าต่างฟอร์มกรอกข้อมูลที่เราได้สร้างขึ้นเพื่อรับข้อมูลจากผู้ลงทะเบียน

ดูผลการตอบกลับ

เราสามารถดูผลการตอบกลับได้แบบ Real-time ข้อมูลผลการตอบกลับก็จะแสดงจำนวนผู้ลงทะเบียนขึ้นมาทันที

  • หากต้องการดูผลการตอบกลับให้คลิกที่แท็บ  การตอบกลับ
  • ข้อมูลจะถูกแสดงขึ้นมาทั้งรูปแบบ ตัวอักษร และกราฟต่างๆ

  • ในกรณีที่ต้องการ Download ผลการตอบกลับออกมาเป็นไฟล์ Excel ให้เราคลิกที่ ไอคอนสีเขียว

  • เลือก “สร้างสเปรดชีตใหม่” และกดคลิก “สร้าง” ในขั้นตอนนี้เป็นการสร้าง สเปรดชีต ของ Googleขึ้นมา (เรียกอีกอย่างหนึ่งคือ Excel เวอร์ชั่นของ Google นั้นเอง)

  • จากนั้นเราจะได้แท็บหน้าเว็บใหม่ขึ้นมา สำหรับสเปรดชีต ของ Google โดยเฉพาะ ในตารางจะมีข้อมูลของผู้ที่ลงทะเบียนอยู่ โดยแยกข้อมูลแต่ละส่วนออกเป็นคอลัมน์อย่างชัดเจน
  • หากเราต้องการ Download ข้อมูลออกมาเป็นไฟล์ Excel ให้คลิกไปที่ ไฟล์ -> ดาวน์โหลดเป็น -> Microsoft Excel (.xlsx)

จบขั้นตอนการสร้างแบบฟอร์ม Google

 

ข้อมูลอ้างอิง https://officemanner.com

 

TECHNOLOGY LAND CO., LTD.

เทคโนโลยีแลนด์ ตัวแทนจำหน่าย Google Workspace

Google sites สำหรับ Google Workspace คืออะไร

Google sites คืออะไร

Google Sites คือโปรแกรมของ Google ที่ให้บริการสร้างเว็บไซต์ฟรี สามารถสร้างเว็บไซต์ได้ง่าย ปรับแต่งรูปลักษณ์ได้อย่างอิสระ และสามารถรวบรวมความหลากหลายของข้อมูลไว้ในที่เดียว เช่น วิดีโอ, ปฏิทิน, เอกสาร อื่นๆ สามารถนำมาแทรกในหน้าเว็บเพจได้ เป็นการเพิ่มลูกเล่น  ใช้งานได้ง่าย ทำให้ช่วยอำนวยความสะดวกได้เป็นอย่างมาก

จุดเด่นของ Google Sites 

  • ให้บริการฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่าย
  • พื้นที่จัดเก็บข้อมูลไม่จำกัด
  • มี Gadget มากมาย
  • ใช้งานได้ง่าย

วิธีการเข้าใช้งาน Google plus

ขั้นตอนที่ 1 การเข้าถึง Drive

  • เข้าถึงได้จาก http://sites.google.com หรือเมื่อ login อยู่ในระบบแล้ว ที่เมนู Google Apps เลือก “Sites”

  • จะปรากฏหน้าจอ Site

ขั้นตอนที่ 2 การสร้างเว็บไซต์

  • กด “สร้าง” (Create) เพื่อสร้างเว็บไซต์

  • จากนั้นให้เลือกเทมเพลตที่ต้องการ , ตั้งชื่อเว็บไซต์ , เลือกธีมแสดงในเว็บไซต์ , ตัวเลือกเพิ่มเติม จากนั้นให้คลิก CREATE ตามลำดับ

  • จะปรากฏหน้าตาเว็บไซต์

 

  • คลิก “edit page” เพื่อแก้ไขเว็บไซต์

 

  • จะปรากฏหน้าจอดังนี้

 

  • เลือก “layout” เพื่อกำหนดรูปแบบของเว็บเพจ / เพิ่มข้อมูลเว็บไซต์

  • การเพิ่มรูปภาพ ให้เลือกเมนู “insert” และเลือก “image”

  •  เลือกแหล่งภาพที่ต้องการ (ภาพที่อัพโหลด หรือ จากที่อยู่เว็บ) จากนั้นคลิก “Upload Images”

  • เลือกรูปที่ต้องการ upload จากเครื่องคอมพิวเตอร์ จากนั้นกด “OK”

  • รูปจะปรากฎเข้ามาในเนื้อหา ให้ปรับขนาดภาพ – จัดตำแหน่งให้เหมาะสม

  • การเพิ่มลิ้งค์ นำ cursor วางตรงตำแหน่งที่ต้องการทำ link แล้วคลิกสัญลักษณ์  “Edit Page” เลือก “Insert” แล้วคลิก เลือก “Link”

  • เพิ่มข้อมูล link แล้วกด OK

 

  • จะปรากฎ link ที่เราสร้างในเนื้อหาเว็บไซต์

 

TECHNOLOGY LAND CO., LTD.

ตัวแทนผู้ให้บริการ Google Workspace ที่มีการ Support อย่างมืออาชีพ

วิธีการเปลี่ยน Password Google Workspace ผ่าน webmail

วิธีการเปลี่ยน Password ของ Google Workspace ผ่าน webmail

ขั้นตอนที่ 1 ลงชื่อเข้าสู่ระบบ

ขั้นตอนที่ 2 ใส่ User Password แล้วคลิก ถัดไป

ขั้นตอนที่ 3 คลิกที่ Security ทางซ้ายมือ

ขั้นตอนที่ 4 คลิกที่ Password

ขั้นตอนที่ 5  ใส่ User Password เพื่อยืนยันตัวตน แล้วคลิก Next

ขั้นตอนที่ 6 ใส่ Password ใหม่ลงในช่อง New Password และช่อง Confirm new password แล้วคลิก Change Password

จบขั้นตอนการเปลี่ยน Password ของ Google Workspace ผ่าน webmail  ข้อดีของการเปลี่ยน Password จะช่วยให้ข้อมูลของเราที่อยู่ใน Google Workspace นั้นปลอดภัยขึ้น และการเปลี่ยน Password ในแต่ละครั้ง จะมีบอกว่าเราเปลี่ยน Password ครั้งล่าสุดเมื่อไร วันที่เท่าไร เดือนอะไร เพื่อให้ข้อมูลของเราปลอดภัยมากยิ่งขึ้น